البحث

عبارات مقترحة:

القادر

كلمة (القادر) في اللغة اسم فاعل من القدرة، أو من التقدير، واسم...

المتين

كلمة (المتين) في اللغة صفة مشبهة باسم الفاعل على وزن (فعيل) وهو...

الحليم

كلمةُ (الحليم) في اللغة صفةٌ مشبَّهة على وزن (فعيل) بمعنى (فاعل)؛...

คุณกำลังแสวงหาความสุขใช่ไหม?

التايلاندية - ไทย / Phasa Thai

المؤلف ศอลิหฺ บิน อับดุลอะซีซ บิน อุษมาน สินดีย์ ، อับดุลอาซีซ สุนธารักษ์
القسم كتب وأبحاث
النوع نصي
اللغة التايلاندية - ไทย / Phasa Thai
المفردات الرقائق والمواعظ
ความสุข คือ จุดหมายที่ทุกชีวิตบนหน้าแผ่นดินนี้แสวงหาเพื่อให้ได้รับมันมา มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้หรือคนเขลาก็ตาม ต่างเสาะแสวงหาสาเหตุแห่งความสุข พวกเขายอมทุ่มเทกำลังอย่างเหน็ดเหนื่อย ในการค้นหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อขจัดความขัดสน ความเจ็บปวดและความทุกข์ยาก หนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือคุณขณะนี้ อาจจะเปิดประตูให้คุณพบกับความสุขที่แท้จริง และอาจจะเป็นตัวชักจูงคุณสู่ความผ่อนคลายทางจิตวิญญาณ และความสงบสุขุมที่สมบูรณ์ ก็เป็นได้

التفاصيل

คุณกำลังแสวงหาความสุขใช่ไหม? คุณกำลังแสวงหาความสุขใช่ไหม? ทำไมอิสลาม คือ ศาสนาที่แท้จริง? หลักความเชื่อทั้งหกประการมีดังนี้ ส่วนหลักปฏิบัติที่สำคัญทั้งห้าประการในอิสลาม ได้แก่ : หลังจากนี้ต่อไป  คุณกำลังแสวงหาความสุขใช่ไหม?ศอลิหฺ บิน อับดุลอะซีซ บิน อุษมาน สินดีย์แปลโดย : อับดุลอาซีซ  สุนธารักษ์ตรวจทานโดย : ซุฟอัม อุษมานที่มา : เว็บไซต์  www.salehs.netด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ คุณกำลังแสวงหาความสุขใช่ไหม?ความสุข คือ จุดหมายที่ทุกชีวิตบนหน้าแผ่นดินนี้แสวงหาเพื่อให้ได้รับมันมาซึ่งแน่นอนมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้หรือคนเขลาก็ตาม ต่างเสาะแสวงหาสาเหตุแห่งความสุข พวกเขายอมทุ่มเทกำลังอย่างเหน็ดเหนื่อย ในการค้นหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อขจัดความขัดสน ความเจ็บปวดและความทุกข์ยาก ทว่า ความเป็นจริงแล้วการแก้ปัญหาของพวกเขาเหล่านั้นหาใช่สิ่งที่ถูกต้องแท้จริงไม่ สิ่งที่พวกเขาหมายถึงคือ ความสุขที่ได้รับจาก การละเล่น ความเพลิดเพลิน  หรือสิ่งอื่น ๆ พวกเขาอาจจะได้รับความสุขจากมัน แต่มันเป็นเพียงแค่ความสุขชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็จะตื่นขึ้นมาพร้อม ๆ กับบางสิ่งบางอย่างภายในที่สร้างความขุ่นมัวแก่ชีวิตที่สดใสของพวกเขา            หนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือคุณขณะนี้ อาจจะเปิดประตูให้คุณพบกับความสุขที่แท้จริง และอาจจะเป็นตัวชักจูงคุณสู่ความผ่อนคลายทางจิตวิญญาณ และความสงบสุขุมที่สมบูรณ์ ก็เป็นได้            ก่อนที่คุณจะอ่านมัน ฉันขอให้คุณมีความตั้งใจ และพยายามเปิดสติปัญญา เปิดหัวใจ เพราะผู้มีสติปัญญา คือผู้ที่แสวงหาสัจธรรม ไม่ว่าใครจะเป็นผู้กล่าวมันก็ตาม            แท้จริง สัจธรรมข้อหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดอาจะจะปฏิเสธมันได้ ถ้าคนคนนั้นปราศจากอารมณ์ใฝ่ต่ำ ก็คือ ความสุขที่มั่นคงจะไม่เกิดขึ้นเว้นแต่ด้วยกับการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ พระเจ้าผู้ทรงสร้างและเนรมิตสิ่งทั้งหลาย และด้วยการปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์ เพราะอัลลอฮฺคือผู้สร้างมนุษย์ และแน่นอนพระองค์คือผู้รู้ดียิ่งว่าสิ่งใดที่มอบความสุขแก่มนุษย์และสิ่งใดที่ทำให้เกิดทุกข์ สิ่งใดที่ให้คุณและสิ่งใดให้โทษมีนักจิตวิทยาจำนวนไม่น้อยได้ให้การยืนยันว่า มนุษย์ผู้ที่มีศาสนา คือบุคคลประเภทเดียวเท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสงบใจ            เมื่อการศรัทธาต่ออัลลอฮฺคือที่ซ่อนแห่งความสุขที่มั่นคง แล้วอะไรเล่าคือแนวทางที่จะนำไปสู่การศรัทธาที่ว่านั้น?            มีศาสนาและความเชื่อต่าง ๆ มากมายบนโลกใบนี้ ผู้สังเกตสามารถจะเห็นได้ว่าความแตกต่างระหว่างศาสนาอันมากมายนั้นล้วนเป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในระดับรากฐานเลยทีเดียว จึงเป็นไปไม่ได้ว่าทุกศาสนาทั้งหมดจะเป็นสัจธรรมที่ถูกต้องทั้งสิ้นดังนั้น อะไรเล่าคือศาสนาที่แท้จริง?และอะไรเล่า คือความเชื่อที่อัลลอฮฺรักและชอบให้เราศรัทธา?และอะไรเล่าคือศาสนาที่ประกันความสุขให้กับเราได้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า?ก่อนที่จะมีการตอบคำถามต่าง ๆ เหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องมีการปูพื้นฐานที่ถูกต้องเสียก่อน เพื่อดำเนินสู่การเลือกเฟ้นสิ่งที่ถูกต้องสู่ศาสนาที่แท้จริง เพราะฉันมั่นใจอย่างแน่นอนว่าผู้ที่มีสติปัญญาทุกคนย่อมเห็นด้วยว่า การที่มนุษย์แต่ละบุคคลเติบโตมาบนศาสนาหนึ่ง ๆ ที่บิดา มารดาและสังคมรอบข้างเขานับถือมันอยู่ ไม่ใช่หลักฐานที่จะบอกว่าศาสนาที่เขาศรัทธาอยู่นั้นเป็นสิ่งที่เที่ยงแท้ ตราบใดที่ยังไม่มีข้อบ่งชี้หรือหลักฐานที่รับได้อย่างชัดเจนต่อสิ่งดังกล่าว และตราบใดที่สติปัญญายังไม่บรรลุถึงความสบายใจและความมั่นใจอย่างชัดเจนต่อสิ่งนั้นๆ           ถ้าหากสติปัญญาคือสิ่งจำแนกระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ดังนั้นผู้ที่มีสติปัญญา ก็จงใช้มันพิจารณาถึงประเด็นนี้ เพราะมันคือประเด็นที่สำคัญและอันตรายยิ่งการเดินทางอันสั้นในการท่องสำรวจความเชื่อของศาสนาต่าง ๆ ที่หลากหลายนี้ อาจเป็นสื่อที่ดีที่สุดในการหาคำตอบที่คุณกำลังแสวงหาอยู่            ฉันจะสรุปให้คุณอย่างสั้น ๆ และได้ใจความด้วยความเชื่อมั่นและความจริงใจอย่างบริสุทธิ์ว่า ไม่ว่าคุณจะแสวงหาสัจธรรม ณ ที่ไหนก็ตาม คุณจะไม่มีวันพบเจอสิ่งอื่นใดอย่างเด็ดขาดเว้นแต่สัจธรรมอันหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ ศาสนาอิสลามที่แท้จริงนั่นเอง และความสุขที่แท้จริงนั่น มันอยู่ในอิสลามนี่เอง           กรุณาอย่ารีบร้อนในการโต้ตอบคำพูดของฉัน และตัดบทการนำเสนอโดยไม่ทันให้ฉันพูดจบ พึงสังเกตว่า การที่ฉันนำเสนอมันจนเสร็จสมบูรณ์ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใดๆให้แก่คุณเลย มิหนำซ้ำคุณอาจจะรับประโยชน์ใด ๆ จากมันก็เป็นได้ไม่ว่าจะอย่างไร คุณก็คือวิญญูชนผู้มีสติปัญญา ที่สามารถแยกแยะสิ่งต่าง ๆ และรับรู้สิ่งที่ถูกต้องจากสิ่งที่ผิดได้อยู่แล้ว ทำไมอิสลาม คือ ศาสนาที่แท้จริง?            เป็นคำถามที่ผู้อ่านอาจตั้งคำถามขึ้นมา ซึ่งเป็นคำถามที่ดีเลยทีเดียว บ่งบอกว่าผู้ตั้งคำถามนั้นเป็นผู้ที่มีสติปัญญาอย่างเฉลียวฉลาดและปราดเปรื่องอย่างเด่นชัด            คำตอบสำหรับคำถามนี้ ฉันขอกล่าวว่า ศาสนาอิสลามคือศาสนาที่รวมซึ่งลักษณะต่างๆ ที่ดีและมีจุดเด่นบางประการที่เป็นเลิศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีปรากฏอยู่ในศาสนาใดเลยนอกจากอิสลาม มันคือหลักฐาน เป็นข้อบ่งชี้ว่าอิสลามเป็นศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าถูกหรือผิดอย่างไร ด้วยการพิจารณาเนื้อหาของมันอย่างลึกซึ้งและใจเย็น            ลักษณะจุดเด่นของอิสลามนั้นมีมากมาย ยากที่จะนำเสนอเป็นคำพูดที่จำกัดนี้ได้ และฉันจะขอนำเสนออย่างคร่าวๆ และพอสังเขปดังต่อไปนี้1. ส่วนหนึ่งจากจุดเด่นที่สำคัญของอิสลาม ก็คือมันเป็นสิ่งที่เติมความอิ่มเอิบทางด้านจิตวิญญาณให้กับมนุษย์ ทำให้ผู้ที่ศรัทธาเป็นผู้ที่มีความผูกพันกับพระผู้เป็นเจ้าอย่างต่อเนื่อง เป็นผลทำให้ได้รับความสุขุม เยือกเย็น และความสุขด้านจิตใจ เป็นการปกป้องจากการเลยเถิด ฟุ้งซ่าน และความแปรปรวนทางจิต2. อิสลามเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสติปัญญาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทุกบทบัญญัติของอิสลามเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสติปัญญา ไม่มีทางที่จะขัดกันโดยเด็ดขาด เนื่องด้วยเหตุนี้เอง เมื่อ มีบุคคลหนึ่งเข้ารับนับถืออิสลาม มักถูกถามว่า ทำไมคุณถึงเข้ารับอิสลาม? เขาจะตอบว่า ไม่มีสิ่งใดก็ตามที่อิสลามได้สั่งใช้ แล้วสติปัญญาจะค้านกับอิสลามว่าไม่น่าจะสั่งใช้ข้อนี้เลย และไม่มีข้อห้ามใดที่อิสลามห้าม แล้วสติปัญญาจะค้านกับอิสลามว่าไม่น่าจะห้ามสิ่งนี้เลยถ้าหากว่ามีศาสนามากมายที่มีอุดมการณ์พื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ยากจะรับได้ สติปัญญาอาจจะยืนฉงนอยู่ต่อหน้าความเชื่อหลักที่แย้งไม่ได้ในศาสนานั้นๆ แต่ในอิสลาม เรากลับพบว่าอิสลามให้เกียรติสติปัญญา อิสลามสั่งให้เราใช้ความคิด อิสลามปฏิเสธความโง่เขลาเบาปัญญาและห้ามการตามอย่างตาบอด3. อิสลามผสมผสานระหว่างศาสนาและทางโลกได้อย่างลงตัว ให้ความสำคัญทั้งในด้านจิตวิญญาณและร่างกาย การรับอิสลามไม่ได้หมายความว่าต้องยึดติดรูปลักษณ์ใด ๆ เป็นการเฉพาะ หรือต้องงดความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตทว่า ในอิสลามนั้น บุคคลคนหนึ่งอาจจะเป็นผู้ที่ยึดมั่นในหลักการศาสนา แต่เขาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติทั่วไป อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว เขาอาจจะเป็นผู้สามารถเข้าถึงตำแหน่งและรับเกียรติคุณที่สูงสุดในสังคมก็เป็นได้4. ในจำนวนจุดเด่นของอิสลาม ก็คือ เป็นศาสนาที่ครอบคลุม ไม่ว่าด้านไหนของชีวิต เราจะพบว่ามีระบบการจัดการด้านนั้นๆ อยู่ในอิสลาม ไม่ว่าจะปัญหาอะไรก็ตามแต่ อิสลามก็มีคำตอบให้  ด้วยเหตุนี้เอง อิสลามจึงเป็นศาสนาที่เหมาะสำหรับยึดปฏิบัติในทุกกาลสมัยและทุกที่            มันจะไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ก็ในเมื่ออิสลามได้จัดระเบียบและวางหลักพื้นฐาน หลักการ ที่เหมาะสมไว้ในทุกๆด้าน เริ่มจากระบบการปกครอง และแนวทางการแก้ไขข้อขัดแย้ง ตามด้วยระบบการค้า หุ้นส่วน และหลักการปฏิบัติระหว่างกัน ต่อด้วยการวางระบบความสัมพันธ์ในสังคม การใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัว และปิดท้ายด้วยการเคารพ จรรยามารยาทตามท้องถนน และการจัดระเบียบของมนุษย์ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการนอน การรับประทาน การดื่ม การสวมใส่ และอีกมากมาย … สิ่งดังกลาวนี้ไม่ได้เป็นแบบลวกๆ รวมๆ แต่ถูกจัดไว้ ด้วยรายละเอียดปลีกย่อยที่ปราณีตยิ่ง จนสติปัญญาต้องทึ่งกับมัน  คุณควรทราบว่า อิสลามให้แบบอย่างแก่มนุษย์ แม้กระทั่งวิธีการสวมใส่และการถอดรองเท้า และส่งเสริมให้ใช้มือขวาเพื่อรับประทานอาหาร การดื่ม การจับมือ การหยิบสิ่งของ การให้ และอีกมากมาย ส่วนเรื่องที่น่ารังเกียจ เช่นการชำระสิ่งสกปรก ก็ให้มือซ้ายแทนมือขวา เป็นต้นเมื่อถึงเวลาหลับนอน อิสลามก็สอนวิธีการนอนและหลังการตื่นนอนอย่างชัดเจนและเมื่อมุสลิมสองคนพบปะกันในท้องถนน อิสลามก็ได้จัดรูปแบบการทักทายระหว่างเขาทั้งสอง ผู้ที่ขับขี่สมควรเป็นผู้เริ่มให้สลามทักทายแก่ผู้ที่เดิน เด็กเล็กให้สลามทักทายแก่ผู้อาวุโส คนส่วนน้อยก็ให้สลามทักทายแก่กลุ่มคนที่มากกว่าและนี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กน้อยจากบทบัญญัติของอิสลามที่ครอบคลุม และกำหนดระเบียบในทุก ๆ ด้านของชีวิต5. ส่วนหนึ่งจากความโดดเด่นและพิเศษของอิสลาม คือทุก ๆ ข้อบัญญัติของอิสลามคือการนำมาซึ่งสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่เป็นประโยชน์และขจัดสิ่งที่ไม่ดีออกไป ดังนั้น บทบัญญัติต่างๆ ของอิสลามจะนำประโยชน์กลับไปสู่ตัวมนุษย์เองและแก่สังคมของเขาด้วยเช่น ที่อิสลามได้ห้ามการดื่มสิ่งที่มึนเมาและสิ่งเสพติดทั้งหลาย เนื่องด้วยมันทั้งสองมีโทษที่อันตรายต่อสติปัญญา ต่อสุขภาพ ซึ่งคุณจะเห็นสภาพของผู้ที่มึนเมาได้ว่านั่นเป็นสภาพที่ใกล้เคียงกับสัตว์หรือสิ่งอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์มากกว่าจะเป็นสภาพของมนุษย์ผู้มีปัญญาด้วยซ้ำ เป็นต้นอาชญากรรม การทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุทางยานพาหนะ หรือการข่มขืนกระทำชำเรา อันมากมายที่เราเห็นคงไม่เกิดขึ้น ถ้าหากว่าไม่มีการเสพสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เสียสติเช่นของพวกนี้และเมื่ออิสลามห้ามมีสัมพันธ์ทางเพศที่นอกเหนือจากการแต่งงาน เพื่อที่จะให้มนุษย์ได้ห่างไกลจากโรคที่อันตราย อาทิเช่น เอดส์ หนองใน หรือโรคทางเพศอื่นๆ และเพื่อที่ให้สังคมได้ห่างไกลจากสภาพที่เสื่อมทรามทางศีลธรรม และไม่ให้อนุชนรุ่นใหม่กลายเป็นสังคมเด็กถูกทิ้ง ขาดความอบอุ่นจากแม่ ขาดการดูแลจากพ่อ สุดท้ายก็กลายเป็นภาระของสังคมและเป็นหายนะของสังคมนั่นเองและเมื่ออิสลามได้สั่งใช้ให้ผู้หญิงปกปิดเรือนร่างอย่างมิดชิด ท่ามกลางฝูงชน และชายแปลกหน้า เพราะอิสลามมองว่าสตรีคืออัญมณีอันล้ำค่าที่ต้องหวงแหนและเก็บรักษาให้ดี พวกนางไม่ใช่สินค้าราคาถูกที่ถูกเสนออยู่ตามท้องถนนต่อหน้าผู้คน และเพื่อเป็นการปกป้องพวกนางจากผู้คนลามกที่มีนิสัยเสมือนสุนัขจิ้งจอกที่ไม่มีสิ่งใดสำคัญต่อพวกเขาเว้นแต่เพื่อสนองต่ออารมณ์ตัณหาอันเลวทราม โดยไม่สนใจต่อเกียรติ คุณค่า และความบริสุทธิ์ของสตรีเพศเลยในทางตรงกันข้าม อิสลามได้อนุญาตเครื่องดื่มทุกชนิดที่มีประโยชน์ปราศจากโทษ ดังเช่นได้อนุญาตความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงหลังการแต่งงาน ภายใต้ร่มเงาแห่งครอบครัวที่เปี่ยมสุข ข้อสรุปก็คือ อิสลามมิได้มาเพื่อปิดกั้นอิสระและความต้องการทุกอย่างโดยสิ้นเชิง แต่ทว่าอิสลามมาเพื่อวางและตั้งกฎระเบียบในทุกสิ่งที่เกิดประโยชน์แก่มนุษย์ แก่สังคม และโลกทั้งผอง6. ความพิเศษอีกด้านหนึ่งที่โดดเด่นในอิสลาม คือ การเอาใจใส่เรื่องคุณค่า คุณลักษณะนิสัย และจรรยามารยาท และได้ห้ามปรามการอธรรม การละเมิดสิทธิ และนิสัยที่ไม่ดีทุกประการ            อิสลามเป็นศาสนาแห่งความรัก การอยู่ร่วมกัน และเมตตากัน อิสลามได้วางระบบความสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อบิดามารดา ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน มิตรสหาย และฝูงชน ได้ปลูกฝังนิสัยที่น่าชื่นชมและจรรยามารยาทที่ดีงามที่สุดในตัวผู้ศรัทธาทุกคน            อิสลามได้ห้ามมนุษย์ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเพียงคนเดียว อิสลามได้อบรมสั่งสอนให้มนุษย์รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เห็นใจความรู้สึกเพื่อนมนุษย์ ดังนั้น คนยากจน เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ และแม่หม้าย ในอิสลามพวกเขาเหล่านี้ล้วนมีสิทธิที่มุสลิมจะต้องดูแล ต้องถือเป็นเรื่องหลัก และจะต้องไม่มองว่าเป็นเรื่องรองที่ไม่สำคัญเท่าไรนัก และจะต้องไม่ช่วยเหลือเพื่อหวังจะลำเลิกบุญคุณหรือดูถูกดูแคลนพวกเขา แต่ทว่า ต้องทำไปด้วยความตระหนักว่ามันเป็นหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติและภารกิจจำเป็นของเขาเลยทีเดียวในอิสลามถือเป็นบาปใหญ่สำหรับใครคนหนึ่งที่นอนหลับในสภาพที่อิ่ม และรู้ว่าเพื่อนบ้านของเขากำลังอยู่ในสภาพที่หิวโซ และเช่นกันอิสลามได้ห้ามบุคคลสองคนกระซิบคุยกันในขณะที่บุคคลที่สามร่วมวงอยู่ด้วย เพื่อเป็นการถนอมและดูแลความรู้สึกต่อกันอิสลามได้ก้าวหน้าไปมากกว่าที่กล่าวมาด้วยซ้ำ  เพราะอิสลามได้สั่งให้เรามีความเมตตาแม้กระทั่งต่อสัตว์ และห้ามทำร้ายมันอีกด้วยตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความละเอียดของอิสลามในเรื่องนี้ก็คือ อิสลามได้ห้ามการเชือดสัตว์ตัวใดๆ ต่อหน้าตัวอื่น ห้ามไม่ให้ลับมีดต่อหน้าสัตว์ที่จะเชือด รวมถึงห้ามเชือดสัตว์ไม่ตายในครั้งเดียว            แท้จริง การมีสัจจะ มีความรับผิดชอบ มีความกล้าหาญ มีความเมตตา มีความละอาย การรักษาสัญญา เป็นมารยาทที่อิสลามได้ส่งเสริมอย่างยิ่ง และเช่นเดียวกับการเยี่ยมผู้ป่วย การเดินส่งศพผู้ตาย การทำดีต่อพ่อแม่ การเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน ช่วยเหลือผู้อื่น ล้วนเป็นมารยาทที่อิสลามส่งเสริมและสั่งใช้ทั้งสิ้นในทางกลับกัน อิสลามได้ห้ามมุสลิมอย่างเด็ดขาดจากการอธรรม การโกหก การหยิ่งยโส การอิจฉา การล้อเลียนผู้อื่นหรือด่าว่าและบิดพลิ้ว เป็นต้นในอิสลาม ไม่อนุญาตให้กล่าวถึงบุคคลที่สามในทางที่ไม่ดีถึงแม้จะเป็นความจริงก็ตาม และยังได้เรียกร้องสู่การใช้จ่ายที่พอดีระหว่าง การไม่สิ้นเปลืองจนเกินเหตุและการไม่ตระหนี่ถี่เหนียวแท้จริงแล้ว ในยุคที่สังคมมากมายกำลังประสบปัญหาความแข็งกระด้างของจิตใจ นิยมวัตถุอย่างเกินขอบเขต เห็นแก่ตัวจนเลยเถิด เรากลับพบว่าอิสลามมีทางออกในการแก้ปัญหาเหล่านี้เอาไว้อย่างดีที่สุด             คำกล่าวที่ผ่านมาข้างต้นได้ให้ความหมายสั้น ๆ เกี่ยวกับอิสลามและความโดดเด่นบางประการแล้ว ซึ่งนี่คงเป็นโอกาสที่ดีที่จะกล่าวสะกิดว่า อิสลามนี้เป็นศาสนาที่ชัดเจน และง่ายต่อการทำความเข้าใจสำหรับทุกคน ซึ่งเป็นศาสนาที่เปิดประตูกว้างเสมอสำหรับทุกคนที่จะเข้ารับนับถือถ้าหากว่าการพูดถึงบัญญัติต่างๆ ของอิสลามอันมากมายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะอธิบายได้ด้วยคำพูดสั้นๆ ณ ที่นี่จึงขออธิบายเนื้อหาหลักๆ สักนิดหนึ่ง เพื่อเพิ่มความเข้าใจให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นสำหรับท่านที่ต้องการจะรู้เพิ่มเติมทุก ๆ หลักการและความรู้ของอิสลามเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่หลักการบางส่วนก็มีความสำคัญมากกว่าอีกบางส่วน และต่อไปนี้เป็นหลักการที่สำคัญที่สุดหกประการที่จำเป็นจะต้องเชื่อมั่นด้วยหัวใจ และอีกห้าประการสำหรับการปฏิบัติ  หลักความเชื่อทั้งหกประการมีดังนี้1. การศรัทธาต่ออัลลอฮฺเพียงผู้เดียว ไม่มีภาคีใดๆ ควบคู่กับพระองค์            นั่นคือ ด้วยการที่ผู้หนึ่งศรัทธาว่า อัลลอฮฺเพียงผู้เดียวเท่านั้นคือผู้สร้างโลกนี้และสิ่งต่างๆ และพระองค์เพียงผู้เดียวที่บริหารจัดการตามที่พระองค์ประสงค์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ดังนั้นการเคารพบูชาจะไม่เกิดขึ้นกับผู้ใดเว้นแต่กับอัลลอฮฺเท่านั้น ซึ่งการบูชานี้คือการปฏิบัติตามหลักการและเอกลักษณ์ต่างๆ ของอิสลาม พร้อมกับเชื่อมั่นว่าศาสนาอื่นนอกเหนือจากอิสลามย่อมเป็นศาสนาที่โมฆะทั้งสิ้น2. การศรัทธาต่อบรรดามลาอิกะฮฺ             มลาอิกะฮฺคือสิ่งถูกสร้างหนึ่งของอัลลอฮฺ ที่พวกเรามองไม่เห็นในโลกนี้ พวกเขาดำรงการเคารพบูชาต่ออัลลอฮฺและไม่ทรยศพระองค์อย่างเด็ดขาด ซึ่งอัลลอฮฺได้สั่งใช้มลาอิกะฮฺให้ปฎิบัติหน้าที่ต่าง ๆ บนโลกนี้อย่างมากมาย เช่น สั่งใช้ให้ญิบรีลเป็นผู้ส่งสารจากอัลลอฮฺสู่บรรดาศาสนทูต และมลาอิกะฮฺมีกาอีล คือผู้ที่ได้รับมอบหมายเรื่องน้ำฝน และยังมีมลาอิกะฮฺที่ทำหน้าที่นับการงานของมนุษย์และจดบัญชีไว้เพื่อการสอบสวนในวันสิ้นโลก และอื่นๆ อีกมากมายจำเป็นจะต้องเชื่อว่าบรรดามลาอิกะฮฺเหล่านี้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ตามที่อัลลอฮฺได้มอบหมาย และจะไม่ปฎิบัติสิ่งใดนอกจากที่อัลลอฮฺมอบหมายไว้เท่านั้น3.การศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์            คือการเชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺได้ประทานคัมภีร์ต่าง ๆ แก่ปวงบ่าวของพระองค์ ซึ่งมันคือคำดำรัสของอัลลอฮฺ ที่รวมด้วยสิ่งที่ให้ความสุขแก่มนุษย์ อธิบายถึงสิ่งที่อัลลอฮฺรักและสิ่งที่พระองค์รังเกียจ ซึ่งผู้ที่ถ่ายทอดคัมภีร์เหล่านี้ให้แก่ศาสนทูตก็คือญิบรีล ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้ามลาอิกะฮฺ และนบีคือผู้ถ่ายทอดแก่มนุษยชาติคัมภีร์ที่อัลลอฮฺได้ประทานลงมามีมากมาย อันได้แก่ คัมภีร์อัต-เตารอฮฺซึ่งถูกประทานแก่ศาสนทูตมูซา คัมภีร์อัซ-ซะบูรถูกประทานแก่ศาสนทูตดาวูด คัมภีร์อัล-อินญีลถูกประทานให้แก่ศาสนทูตอีซา และคัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานให้แก่ศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัมจำเป็นจะต้องศรัทธาว่าอัลกุรอานคือคัมภีร์ที่ได้ยกเลิกคัมภีร์ทั้งหลาย มีความหมายว่าอัลกุรอานเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่จำเป็นจะต้องถูกปฏิบัติตามหลังจากที่ท่านศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นมา ซึ่งอัลกุรอานเล่มนี้ได้รวบรวมความพิเศษต่าง ๆ ในคัมภีร์ก่อนหน้าไว้แล้ว และได้เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่อีกมากมายคุณควรทราบว่า อัลกุรอานคือหลักฐานที่สำคัญที่สุดที่บ่งบอกว่าศาสนานี้คือสัจธรรม ที่ถูกประทานมาจากพระผู้เป็นเจ้า แน่นอนว่าอัลกุรอานถูกประทานลงมากว่า 1400 ปีแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีการค้นพบข้อผิดพลาด และข้อขัดแย้งในอัลกุรอานเลยแม้กระทั่งคำเพียงคำเดียวก็ตาม ในยุคปัจจุบันนี้ ได้มีการค้นพบความรู้ทางวิชาการใหม่ๆ ซึ่งปรากฏว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้มีระบุมาแล้วในอัลกุรอานตั้งแต่กาลเวลาอันยาวนานนับพันปี            เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ยุคกาลเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันไม่มีการเพิ่มเสริมเติมแต่ง หรือตัดทอนใด ๆ ในอัลกุรอานเฉกเช่นที่เคยปรากฏในคัมภีร์ต่าง ๆ ก่อนหน้า ดังนั้น อัลกุรอานที่คุณพบในดินแดนอันไกลโพ้น สุดทางทิศตะวันออก ก็ไม่มีความแตกต่างกับอัลกุรอานที่คุณพบจากดินแดนอันแสนไกลทางทิศตะวันตกเลย หากว่าคุณทำการเปิดชมอัลกุรอานที่มีอายุนับร้อยๆ  ปี คุณก็จะไม่พบสิ่งแตกต่างจากอัลกุรอานที่ถูกจัดพิมพ์ในปัจจุบันแต่อย่างใดแม้เพียงอักษรเดียวก็ตาม และนี่คือการรักษาจากอัลลอฮฺต่อคัมภีร์เล่มนี้ คือคัมภีร์ของศาสนาสุดท้ายที่มาปิดฉากศาสนาต่างๆ           การพูดถึงอัลกุรอานอาจจะต้องใช้เวลายืดยาวมากเลยทีเดียว แต่เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับคุณ ที่จะทราบว่าไม่มีอะไรเหมือนกับอัลกุรอานอย่างสิ้นเชิง ทั้งด้านรูปแบบสำนวน   ผลที่ลึกซึ้งต่อจิตใจ และเรื่องราวที่เกี่ยวกับสิ่งเร้นลับต่าง ๆ เป็นต้น 4. การศรัทธาต่อบรรดาศาสนทูต            คือการที่มนุษย์ศรัทธาว่าอัลลอฮฺได้คัดเลือกมนุษย์คนหนึ่งที่ดีเลิศจากมวลมนุษย์ทั้งหลาย และได้ประทานวะหฺยู (วิวรณ์)แก่เขา เพื่อทำการเผยแพร่ศาสนาแก่มวลมนุษยชาติบรรดาศาสนทูตมีมากมาย อาทิ เช่น นูหฺ อิบรอฮีม ดาวูด สุลัยมาน ยูซุฟ มูซา และอื่นๆ อีกมากมายในจำนวนศาสนทูตเหล่านั้นก็คือ อีซา(เยซู) บุตรของมัรยัม(มาเรียม) ซึ่งจำเป็นที่เราจะต้องศรัทธาว่าท่านคือศาสนทูตของอัลลอฮฺ และเป็นศาสนทูตที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องศรัทธาต่อการเป็นศาสนทูตของท่าน รัก และให้เกียติต่อท่าน บุคคลที่โกรธและไม่ศรัทธาต่อท่าน แน่นอนเขาไม่มีความเป็นอิสลามในตัวเขาเลย ดังเช่นจะต้องศรัทธาเช่นกันว่าอัลลอฮฺได้สร้างอีซาโดยปราศจากบิดา โดยที่พระองค์ได้ส่งมลาอิกะฮฺเพื่อเป่าดวงวิญญานสู่ครรภ์ท่านหญิงมัรยัมและได้กำเนิดศาสนทูตอีซาขึ้นมามุสลิมไม่พบหนทางที่จะปฏิเสธสิ่งดังกล่าวนี้ได้ เนื่องจากอัลลอฮฺคือผู้ที่สามารถบันดาลทุกสิ่งที่พระองค์ประสงค์ พระองค์ได้สร้างอีซามาโดยปราศจากบิดาดังเช่นที่พระองค์ได้สร้างศาสนทูตอาดัมโดยปราศจากทั้งบิดาและมารดาดังนั้น เราได้รับรู้แล้วว่าอีซา เป็นเพียงศาสนทูตของอัลลอฮฺ หาได้เป็นพระเจ้า หรือบุตรของพระเจ้าอย่างที่ได้ถูกกล่าวอ้างไม่ศาสนทูตอีซาถูกส่งมาพร้อมกับการแจ้งข่าวถึงการปรากฏของศาสนทูตหลังจากท่าน นั่นคือ มุหัมมัด บุตร อับดุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม คือศาสนทูตท่านสุดท้ายและจะไม่มีศาสนทูตหลังจากท่านอีกศาสนทูต มุหัมมัด บุตรอับดุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ผู้นี้ คือผู้ที่อัลลอฮฺได้ส่งท่านมาเมื่อ 1400 ปีก่อน เป็นบุคคลที่มนุษยชาติทั้งหมดที่มีชีวิตตั้งแต่วันที่ท่านถูกแต่งตั้งจนกระทั่งวันสิ้นโลกจักต้องศรัทธาต่อท่าน และต่อบทบัญญัติที่ท่านนำมา เชื่อฟังสิ่งที่ท่านใช้ และละเว้นสิ่งที่ท่านห้าม            บรรดาผู้ที่ศึกษาชีวประวัติของท่านศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านคือบุคคลที่มีคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่ ซึ่งอัลลอฮฺได้มอบความพิเศษแก่ท่าน ที่ไม่เคยมีในผู้ใดเลยทั้งก่อนหน้าและมาทีหลัง การศึกษาสิ่งที่ถูกเขียนเกี่ยวกับชีวประวัติของท่านเพียงแค่เล็กน้อย ก็พอที่บ่งบอกถึงความสัจจริงในสิ่งที่ฉันกล่าวได้แล้วเช่นเดียวกันนั้น อัลลอฮฺได้มอบหลักฐานต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงการเป็นศาสนทูตของท่าน เป็นหลักฐานที่พอจะทำให้การสงสัยในตัวท่านเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้วในทางปัญญา  ผู้ใดก็ตามที่ปฏิเสธการศรัทธาต่อท่านทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺได้ให้หลักฐานการยืนยันต่าง ๆ มาแล้ว แน่นอน เขาผู้นั้นก็จะไม่สามารถยืนยันการเป็นศาสนทูตให้แก่ศาสนทูตผู้ใดได้อีกเลย5. การศรัทธาต่อวันสิ้นโลก             คือการเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่าหลังจากชีวิตในโลกนี้จะมีอีกชีวิตหนึ่งที่นิรันดร์และสมบูรณ์กว่า ซึ่งจะมีการตอบแทน มีความผาสุก และมีการลงโทษ ความผาสุกหมายถึง การจะได้อยู่ในสถานพำนักที่ถูกเรียกว่า สวรรค์ ส่วนการลงโทษก็จะอยู่ในสถานพำนักที่ถูกเรียกว่า นรก (ญะฮันนัม)ผู้ที่ศรัทธา และปฏิบัติตามคำสอนของอิสลาม บั้นปลายของเขาคือสวรรค์ เป็นสถานที่ที่มีแต่ความโปรดปราน ความผาสุกทุกประเภท ที่ปัญญาไม่สามารถหยั่งถึง และความสุขในโลกนี้ไม่สามารถเทียบเคียงความสุขในโลกหน้าได้เลย บุคคลใดที่ได้เข้าสวรรค์เขาจะพำนักและมีความสุขอย่างไม่มีสิ้นสุดเพราะจะไม่มีการตายเกิดขึ้นอีกในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ไม่ศรัทธาและฝ่าฝืนหลักการของอิสลาม แน่นอนบั้นปลายของเขาจะพำนักในนรกญะฮันนัม ที่มีไฟลุกโชน และพบกับประเภทการทรมานที่ปัญญาไม่สามารถหยั่งถึง เปลวไฟและการลงโทษบนโลกนี้ไม่สามารถเทียบเคียงในวันนั้นได้เลยแม้แต่น้อยการศรัทธาว่าจะมีการสอบสวน สวรรค์และนรก หลังจากชีวิตในโลกดุนยาเป็นสิ่งที่ปัญญาสามารถรับได้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตอันเพรียบพร้อมในโลกนี้จะเกิดขึ้นแล้วก็สูญสลายไปดื้อๆ หลังจากนั้น นี่เป็นเรื่องที่ไร้สาระ และอัลลอฮฺพระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นทรงบริสุทธิ์จากการทำเรื่องเช่นนี้6. การศรัทธาต่อการกฎสภาวการณ์            คือ การชื่อมั่นว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว การหยุดนิ่ง ล้วนเป็นการรับรู้และประสงค์ของอัลลอฮฺทั้งสิ้น จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เว้นแต่มันจะเป็นสิ่งที่พระองค์ประสงค์ และสิ่งที่พระองค์ไม่ประสงค์จะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ซึ่งอัลลอฮฺได้บันทึกทุกสิ่งจะเกิดขึ้นใว้ในสมุดบันทึกอันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า (อัล-เลาหฺ อัล-มะหฺฟูซ) กระดานบันทึกที่ถูกรักษาการศรัทธาในเรื่องนี้ยังหมายรวมถึงการศรัทธาว่า อัลลอฮฺทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างอีกด้วย  ส่วนหลักปฏิบัติที่สำคัญทั้งห้าประการในอิสลาม ได้แก่ :1. การที่บุคคลหนึ่งกล่าวประโยคที่เป็นกุญแจเพื่อเข้าสู่อิสลาม มันคือสัญญาระหว่างมนุษย์กับพระผู้อภิบาลของเขา เพื่อยืนยันว่าเขาได้ยืนหยัดอยู่บนศาสนานี้ ซึ่งประโยคนี้ได้แก่ :أشهد ألا إله إلّا الله، وأشهد أن محمداً رسول اللهอัชฮะดุ อัลลา อิลาฮะ อิลลัล ลอฮฺวะ อัชฮะดุ อันนะ มุหัมมะดัร เราะซูลุล ลอฮฺความว่า : ฉันขอปฏิญานว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และฉันขอปฏิญานว่า มุหัมมัดคือศาสนทูตของอัลลอฮฺมีใจความว่า เป็นการยืนยัน ยอมรับและยึดมั่นที่จะเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺเพียงผู้เดียว และการยอมรับว่าอิสลามคือศาสนาที่เที่ยงแท้ และพระเจ้าที่มีสิทธิในการบูชามีเพียงอัลลอฮฺเท่านั้น และสิ่งเคารพบูชาอื่นนอกจากพระองค์เป็นโมฆะทั้งสิ้น รวมทั้ง ยอมรับว่าศาสนาอื่นนอกเหนือจากอิสลามล้วนเป็นโมฆะเช่นเดียวกัน ส่วนการยอมรับว่ามุหัมมัด เป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ คือผู้ที่เป็นมุสลิมจะต้องปฏิบัติตามและเชื่อฟังในทุกสิ่งที่ท่านนำมา2.การละหมาด            คือคำกล่าว อิริยาบถ และบทขอพรต่างๆ ที่ถูกปฏิบัติในรูปแบบเฉพาะ ห้าครั้งในทุก ๆ วัน ซึ่งการละหมาดแต่ละครั้งไม่ได้ใช้เวลามากแต่อย่างใดเลย มันใช้เวลาประมาณแค่ห้านาทีเท่านั้นการละหมาดคือการติดต่อระหว่างบ่าวและพระผู้อภิบาลของเขา มุสลิมจะเกิดความรู้สึกเชื่อมั่น สงบ สุขุม และผ่อนคลายทางด้านจิตวิญญาณจากการละหมาด3.การจ่ายซะกาต            คือการที่มุสลิมผู้ที่มีทรัพย์สินจ่ายจำนวนหนึ่งจากทรัพย์ของเขาแก่ผู้ขาดแคลน ในปริมาณ 2.5% ของจำนวนทรัพย์เท่านั้น เป็นจำนวนไม่มาก แต่มันจะเกิดผลในสังคมมุสลิมให้มีการช่วยเหลือ มีความเมตตา และความผูกพันกัน สร้างความรักใคร่และการเป็นพี่น้องซึ่งกันและกันฉันขอเน้นย้ำอีกว่า การจ่ายซะกาตนี้เป็นหน้าที่จำเป็นเฉพาะคนรวย ส่วนคนจนนั้นไม่ใช่หน้าที่สิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขา4.การถือศีลอด             หมายถึง การที่บุคคลละเว้นอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งการหลับนอนกับภรรยา ในช่วงเวลาเดือนเราะมะฏอน ของทุก ๆ ปี ระหว่างเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งลับขอบฟ้าการถือศีลอดถูกกำหนดเป็นข้อยกเว้นแก่ผู้ป่วย และผู้ที่มีข้อยกเว้นอื่น ๆ พวกเขาสามารถ กิน ดื่ม ในตอนกลางวันของเราะมะฎอนได้ และถือศีลอดชดใช้ในเวลาต่อมาตลอดทั้งปีหลังจากที่หมดภาวะความจำเป็นแล้วตามจำนวนวันที่ขาดการถือศีลอดในเราะมะฎอน การถือศีลอดมียังประโยชน์แก่สุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น การพักระบบย่อยอาหารในร่างกายในบางเวลา การที่มุสลิมมีความรู้สึกสูงส่งทางจิตวิญญาณ และมีมารยาทที่สมดุล และการที่มุสลิมรู้สึกรับรู้ถึงความลำบากของพี่น้องของเขาที่ยากจน ไม่มีอาหารปะทังชีวิตเพียงพอตลอดทั้งปี เขาจึงเกิดความถ่อมตนและรีบเร่งในการช่วยเหลือพี่น้องของเขาที่ขาดแคลน เป็นต้น5.การประกอบพิธีหัจญ์            หมายถึง รูปแบบของการประกอบศาสนกิจต่าง ๆ เป็นการเฉพาะ ณ เมืองมักกะฮฺ ซึ่งเป็นข้อบังคับเพียงครั้งเดียวในชีวิตมุสลิม ผู้ที่มีความสามารถทางด้านทรัพย์และสุขภาพร่างกาย ส่วนผู้ที่ไม่มีความสามารถดังกล่าวก็ถือว่าอนุโลมให้ละเว้นได้            การประกอบพิธีหัจญ์มีประโยชน์มากมาย เช่น การรวมตัว  ของมุสลิมจากทั่วทุกมุมโลกในสถานที่เดียวกัน เพื่อทำความรู้จัก และสร้างความรักซึ่งกันและกัน และยังเป็นการฝึกฝนความอดทน มารยาท แสวงหาเพิ่มพูนความศรัทธาและความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ ตลอดระยะเวลาการประกอบพิธีหัจญ์ หลังจากนี้ต่อไป            หวังว่าคำพูดที่ผ่านมาจะเป็นการเพียงพอสำหรับคุณในการอธิบายถึงรูปลักษณ์ของอิสลามอย่างสรุปฉันขอเรียกร้องคุณ ผู้ที่ยังไม่เป็นมุสลิมทั้งหลาย ได้โปรดฟังคำเรียกร้องจากหัวใจที่สัจจริงและเป็นห่วงท่านทั้งหลายว่า จงครุ่นคิดเถิดก่อนที่ความตายจะมาหาคุณอย่างกะทันหันและคุณก็จะเสียชีวิตในสภาพที่คุณยังไม่เข้ารับอิสลาม ซึ่งแน่นอนมันจะเป็นการขาดทุนที่ใหญ่หลวงคุณทราบไหมว่า อะไรคือความหมายของการเสียชีวิตของคุณในสภาพที่ยังไม่เข้ารับอิสลาม? มันหมายถึง การที่คุณจะเข้านรกญะฮันนัม และคุณจะถูกลงโทษในนั้นอย่างนิรันดร์กาล จะไม่มีที่สิ้นสุด นี่คือสัญญาของอัลลอฮฺต่อผู้ที่เสียชีวิตในสภาพที่ยังไม่เป็นมุสลิม และทำไมคุณยังเสี่ยงล่าช้ากับประเด็นที่อันตรายและสำคัญเช่นนี้ด้วยเล่า ?            ฉันจะถามคุณหนึ่งคำถาม กรุณาตอบตามความเป็นจริง คุณจะขาดทุนอะไรเมื่อคุณเข้านับถืออิสลาม? ใช่ อะไรคือสิ่งที่คุณจะเสียมันไปเมื่อคุณเข้ารับอิสลาม?           เมื่อคุณเข้ารับอิสลาม คุณก็จะใช้ชีวิตอย่างปกติ แต่จะมีอะไรเพิ่มมากกว่าเดิม นั่นคือ ความบริสุทธิ์ ความสุข การมีระบบระเบียบในชีวิต และอื่นๆ และหลังจากความตาย ความสุขที่ยิ่งใหญ่และถาวรก็กำลังรอคุณอยู่            และเมื่อคุณมั่นใจว่าอิสลามนั้นถูกต้อง แต่คุณกลัวว่าการรับอิสลามจะขัดขวางคุณจากความเพลิดเพลินกับการละเล่นและความบันเทิงที่คุณขาดมันไม่ได้ ก็โปรดเปรียบเทียบระหว่างความเอร็ดอร่อย เพลิดเพลินอันแสนสั้นและมีขีดจำกัดนี้ กับความโปรดปราน ความสุข และความสนุกสนานอันถาวร อะไรสมควรที่คุณจะเลือกมัน?            คุณสามารถเข้ารับอิสลาม และพยายามละทิ้งข้อห้ามที่เคยทำมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และเมื่อคุณวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺด้วยความสัจจริง แน่นอนพระองค์ก็จะช่วยท่าน           อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณยังไม่สามารถละทิ้งมันได้ในขณะที่คุณรับอิสลามแล้ว สภาพที่แย่ที่สุดก็คือคุณเป็นมุสลิมที่ทำบาปและเป็นผู้บกพร่อง ซึ่งสภาพที่แย่ที่สุดนี้ก็ยังดีกว่าการที่คุณไม่ได้เป็นผู้ศรัทธา           หากคุณคิดว่าสุดท้ายนี้ การเข้ารับอิสลามจะทำให้คุณ มีบุคลิกภาพที่ลดลง และคุณยังไม่สามารถพอที่จะตัดสินใจ หรือคุณอาจจะกลัวคำพูดของผู้คน หรือคำเยาะเย้ยจากพวกเขา  โปรดทราบเถิดว่า สิ่งดังกล่าวนั้นเป็นแค่ข้อระแวงที่ไม่เป็นความจริง คุณไม่ใช่บุคคลแรกที่เข้ารับอิสลาม แต่ผู้คนมากมายนอกเหนือจากคุณที่ได้ตัดสินใจสู่อิสลาม โดยที่การใช้ชีวิตของพวกเขาไม่พังทลาย ไม่มีการขาดทุนใดๆ และพวกเขาไม่เสียใจเลยที่เลือกอิสลาม และมันคุ้มแล้วหรือที่คุณจะแลกความสุขของคุณบนโลกนี้และโลกหน้ากับเพียงคำพูดคำดูถูกของคนแค่ไม่กี่คน?และนี่เป็นประเด็นที่สำคัญยิ่ง ที่คุณจะต้องหยุดใคร่ครวญและพิจารณามันให้นานขอฝากคำพูดสุดท้ายของฉันแก่คุณว่า : จงระวังอย่าให้ตัวเองเป็นผู้ที่ขาดทุนสุดท้าย ฉันขอวิงวอนต่ออัลลอฮฺได้โปรดนำทางให้แก่คุณสู่สัจธรรมด้วยเถิด ด้วยปรารถนาให้คุณได้พบกับสิ่งดีๆ จากผู้เขียนดร. ศอลิหฺ บิน อับดุลอะซีซ

المرفقات

2

คุณกำลังแสวงหาความสุขใช่ไหม?
คุณกำลังแสวงหาความสุขใช่ไหม?