البحث

عبارات مقترحة:

الخبير

كلمةُ (الخبير) في اللغةِ صفة مشبَّهة، مشتقة من الفعل (خبَرَ)،...

المقتدر

كلمة (المقتدر) في اللغة اسم فاعل من الفعل اقْتَدَر ومضارعه...

الآخر

(الآخِر) كلمة تدل على الترتيب، وهو اسمٌ من أسماء الله الحسنى،...

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพิธีการฉลองวันเกิดของท่านนบี

التايلاندية - ไทย / Phasa Thai

المؤلف อับดุรเราะห์มาน อับดุลคอลิก ، ซุฟอัม อุษมาน
القسم مقالات
النوع نصي
اللغة التايلاندية - ไทย / Phasa Thai
المفردات الموالد البدعية - مناسبات دورية
กล่าวถึงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของการจัดงานเมาลิดและความคลุมเคลือต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องเมาลิด.

التفاصيل

- บทนำ ข้าพเจ้าได้อ่านบทความบางเรื่องของผู้ที่สนับสนุนเรียกร้องให้มีการจัดเมาลิดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และถือเอาวันเกิดของท่านเป็นวันเฉลิมฉลองเพื่อใช้เป็นโอกาสการรวมจิตวิญญาณของชาวมุสลิมและเพื่อเป็นการทบทวนตนเองว่าได้ปฏิบัติตามแนวทางและยึดมั่นกับอิสลามมากเพียงใด? ดังกล่าวนั้นเป็นสำนวนที่พวกเขาใช้อ้าง ถึงแม้ว่าประเด็นเช่นนี้จะเป็นเรื่องเก่า มีผู้ที่เขียนสนับสนุนและคัดค้านมากมาย และคงจะเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่มีวันยอมจบ เว้นแต่อัลลอฮฺจะทรงประสงค์ อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ข้าพเจ้าจะต้องให้ความกระจ่างในบางข้อเท็จจริงซึ่งอาจจะไม่เป็นที่เปิดเผยแก่คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้คนทั่วไปส่วนใหญ่เหล่านี้คือกลุ่มเป้าหมายที่ข้าพเจ้าต้องการนำข้อเท็จจริงมาให้พวกเขาได้ทราบถึงเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับการเรียกร้องสู่การจัดเมาลิด และเหตุใดการเรียกร้องเช่นนี้จึงไม่ถูกยอมรับโดยผู้ที่ยึดมั่นในเตาฮีดและศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ถูกต้อง ผู้ที่เรียกร้องสู่การจัดเมาลิดต้องการสิ่งใด ? ผู้ที่เรียกร้องให้มีการจัดเฉลิมฉลองในวันเกิดของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม โดยอ้างว่าเป็นเครื่องหมายของความรักและการให้เกียรติแก่ท่าน และอ้างว่าวันเกิดของท่านเป็นวันที่ประเสริฐ เป็นวันที่อาทิตย์อุทัยแห่งทางนำปรากฏขึ้น เป็นวันที่รัศมีได้เจิดจรัสทั่วสากลโลก และท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ได้ถือศีลอดในวันจันทร์ เมื่อท่านถูกถามถึงเรื่องนี้ท่านได้ตอบว่า “นี่เป็นวันที่ฉันถูกให้กำเนิด เป็นวันที่อามัลต่างๆ ถูกยกขึ้นสู่อัลลอฮฺ และฉันก็ชอบที่จะให้อามัลของฉันถูกยกขึ้นในขณะที่ฉันถือศีลอด” และถ้าหากเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็จัดวันเฉลิมฉลองเนื่องในวันเกิดหรือโอกาสต่างๆ ของพวกเขา ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ย่อมต้องควรแก่การให้มีการเฉลิมฉลองมากกว่า เพราะท่านเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีเกียรติที่สุดในหมู่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ! ผู้ที่เรียกร้องให้มีการจัดเมาลิดจะถือเอาประเด็นนี้ว่าเป็นการโต้เถียงระหว่างผู้ที่รักท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และผู้ที่ไม่รักท่าน เป็นการขัดแย้งระหว่างผู้ที่ให้เกียรติให้ความช่วยเหลือท่านกับผู้ที่เพิกเฉยและไม่รักไม่ให้เกียรติท่านตามที่สมควรจะให้เกียรติ ! ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าการยกประเด็นมาพูดเช่นนี้เป็นการบิดเบือนและการหลองลวงที่ใหญ่หลวงแก่คนส่วนมากและมุสลิมโดยรวม เพราะประเด็นของเรื่องไม่ได้อยู่ในรูปแบบนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะผู้ที่ไม่เห็นว่าอนุญาตให้จัดเมาลิดเนื่องจากกลัวว่ามันเป็นบิดอะฮฺในศาสนา คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่มีส่วนมากที่สุดในการมอบความรักแก่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเชื่อฟังท่าน พวกเขาเป็นผู้ที่ยึดมั่นอย่างเข้มแข็งในซุนนะฮฺหรือแนวทางและปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านในทุกย่างก้าวและความเคลื่อนไหว ตามท่านในเรื่องการปฏิบัติอามัลต่างๆ ของท่าน พวกเขาเป็นผู้ที่มีความรู้ดีที่สุดเกี่ยวกับซุนนะฮฺและศาสนาอิสลามที่ท่านเผยแพร่ พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ท่องจำหะดีษของท่านมากที่สุด พวกเขารู้ดีที่สุดว่าหะดีษอันไหนที่ถูกต้องและอันไหนเป็นหะดีษที่ถูกกุขึ้นมาโดยพวกโป้ปด ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเป็นผู้ที่คอยพิทักษ์ซุนนะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นผู้ปกป้องศาสนา คำสอน และบทบัญญัติของท่านทุกยุคสมัย แท้จริงที่พวกเขาปฏิเสธการทำจัดงานและเฉลิมฉลองเมาลิดนั้นมาจากเหตุผลแห่งความรักและเชื่อฟังต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เพราะพวกเขาไม่ต้องการปฏิบัติในสิ่งที่ค้านกับคำสั่งของท่าน ไม่ต้องการอ้างเท็จต่อท่าน และไม่ประสงค์จะแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของท่าน เพราะพวกเขาทราบดีว่าการเพิ่มสิ่งใดในศาสนานั้นคือการติดตามหาข้อผิดพลาด(การแก้ไขสำทับ)บนตัวท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม มันหมายถึงว่าศาสนานั้นยังไม่สมบูรณ์ และท่านไม่ได้ทำหน้าที่ในการเผยแพร่บทบัญญัติของอัลลอฮฺทุกอย่างให้ครบถ้วน หรือท่านอายที่จะบอกถึงสถานะของท่านและสิทธิที่ท่านควรได้รับ การกล่าวหาทั้งหมดนี้เป็นการอ้างข้อบกพร่องให้กับท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เพราะสถานะของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนในศาสนาที่ท่านได้รับบัญชาให้บอกแก่ประชาชาติ ซึ่งท่านก็ได้ทำแล้ว ท่านได้บอกให้ประชาชาติของท่านได้รู้ถึงที่สิ่งวาญิบ/จำเป็นที่พวกเขาต้องกระทำต่อท่านไว้อย่างชัดเจน เช่นที่ท่านได้กล่าวความว่า “พวกท่านคนหนึ่งคนใดจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าฉันจะเป็นที่รักแก่เขามากกว่าบุตรของเขา บุพการีของเขา และผู้คนทั้งหมด” (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม) ท่าน อุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวแก่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่า “โอ้ ศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ แท้จริงท่านเป็นที่รักแก่ฉันมากกว่าผู้อื่นทั้งหมดเว้นแต่ตัวฉันเอง” ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวตอบว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น โอ้ อุมัร จนกว่าฉันจะเป็นที่รักแก่ท่านมากกว่าตัวท่านเองด้วย” อุมัรกล่าวตอบว่า “ฉะนั้น ท่านเป็นที่รักแก่ฉันมากกว่าตัวฉันแล้ว” ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “ตอนนี้แหล่ะอุมัร(คือความรักที่สมบูรณ์)” (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์) ข้อสังเกตคือท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่อายที่จะแจ้งให้รู้ความจริง และไม่เป็นที่อนุมัติให้ท่านปกปิดมัน และแน่นอนยิ่ง ความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการอธิบายให้ผู้คนทั้งหลายรู้ว่าพวกเขามีหน้าที่ที่จำเป็นและต้องปฏิบัติต่อท่านเช่นไร และหากว่าการเฉลิมฉลองในวันเกิดของท่านเป็นส่วนหนึ่งของความจริงนี้ท่านย่อมต้องบอกและชี้แจงให้ประชาชาติของท่านทราบเป็นแน่แท้ ส่วนการที่ท่านถือศีลอดในทุกๆ วันจันทร์นั้นและท่านบอกว่านั่นเป็นเพราะวันจันทร์เป็นวันเกิดของท่านและเป็นวันที่อามัลต่างๆ ถูกนำขึ้นสู่อัลลอฮฺ แท้จริงบรรดาผู้คนที่รักท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อย่างแท้จริง ก็จะถือศีลอดในวันนี้ทุกๆ สัปดาห์ โดยปฏิบัติแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม หากแต่เหล่าผู้บิดเบือนต่างหากเล่า ที่จะยึดเอาวันที่สิบสองเดือนเราะบีอุลเอาวัลเป็นวันฉลอง ถึงแม้ว่าจะตรงกับวันอังคาร วันพฤหัสบดี หรือวันศุกร์ก็ตาม ! ทั้งๆ ที่สิ่งนี้ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่เคยบอกกล่าว ไม่เคยมีรายงานในหะดีษว่าท่านถือศีลอดในวันที่สิบสองเดือนเราะบีอุลเอาวัล และท่านไม่ได้สั่งให้ถือศีลอดในวันนั้น การที่พวกเขาจัดพิธีกรรมเมาลิดและถือเอาวันที่สิบสองเดือนเราะบีอุลเอาวัลเป็นวันฉลองนั้นโดยอ้างว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ถือศีลอดในวันจันทร์นั้นเป็นการบิดเบือนแก่ประชาชนทั่วไปให้พวกเขาหลงเชื่ออย่างงมงายอย่างเห็นได้ชัดยิ่ง สรุปก็คือ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นศัตรูของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ปฏิเสธเกียรติของท่าน และไม่ยอมรับความประเสริฐของท่าน ตามที่เหล่าผู้โป้ปดได้กล่าวหานั้น ความจริงแล้วพวกเขาเหล่านี้แหล่ะที่ปฏิบัติตามท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม มากที่สุด รักท่านมากที่สุด พวกเขาคือผู้ที่ปฏิบัติอามัลตามคำสอนและแนวทางของท่านอย่างแท้จริง ส่วนผู้ที่เรียกร้องให้มีการจัดฉลองในวันเมาลิด การเรียกร้องเช่นนี้โดยตัวเองก็คือการปะทะชิ้นแรกกับท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นการโป้ปดและการลดทอนเกียรติอันแรกต่อท่านด้วยซ้ำ เพราะเป็นการยื้อแย่งที่จะออกบัญญัติคำสอน และอ้างว่าท่านไม่อธิบายศาสนาให้สมบูรณ์ตามที่ควรเป็น อ้างว่าท่านละทิ้งสิ่งที่ดีงาม และละเลยต่อสิ่งที่ไม่ควรลืมในการแสดงความรักและให้เกียรติท่าน การอ้างเช่นนี้เป็นการใส่ร้ายที่รุนแรงที่สุดต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม นี่เป็นจุดแยกในประเด็นนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทราบว่าใครได้รับทางนำและใครที่หลงผิด ฉะนั้น บรรดาผู้ที่เรียกร้องสู่การจัดเมาลิดได้ปฏิบัติค้านกับคำสั่งของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวอ้างต่อท่าน แก้ไขสำทับบทบัญญัติของท่าน ในขณะผู้ที่ปฏิเสธการทำเมาลิดนั้นเป็นผู้ตามท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ปฏิบัติตามซุนนะฮฺของท่าน รักท่าน ให้เกียรติต่อคำสั่งของท่านอย่างถึงที่สุด ไม่กล้าที่แก้ไขสำทับในสิ่งที่ท่านไม่ได้สั่ง เพราะตัวท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เองนั้นได้เตือนถึงเรื่องนี้ไว้ความว่า “ผู้ใดที่อุตริในบัญญัติของเรานี้ ซึ่งไม่ได้มาจากบัญญัตินั้นจริง การอุตรินั้นย่อมต้องถูกปฏิเสธกลับ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์และมุสลิม) “ผู้ใดที่ปฏิบัติอามัลใดอามัลหนึ่งที่ไม่มีบัญญัติ/คำสั่งของเรา อามัลนั้นย่อมต้องถูกปฏิเสธกลับ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์และมุสลิม) - ใครคือฝ่ายนี้และใครคือฝ่ายนั้น? มีคำถามตรงจุดนี้ว่า ใครที่เรียกร้องให้มีการจัดเมาลิดและใครที่ปฏิเสธ? คำตอบก็คือ บรรดาผู้ที่ปฏิเสธไม่เห็นด้วยก็คือเหล่าเศาะหาบะฮฺผู้มีเกียรติของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม - เรายืมใช้ศัพท์ว่า ผู้ปฏิเสธไม่เห็นด้วย เพื่ออธิบายให้เห็นชัด - เพราะการจัดเมาลิดไม่เคยมีในยุคสมัยของพวกเขา ไม่เคยเป็นที่รู้กันด้วยซ้ำ ไม่เคยมีปรากฏในความนึกคิดของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกันในยุคของบรรดาตาบิอีน และยุคตาบิอิตตาบิอีน รวมทั้งผู้นำศาสนาในสมัยก่อนๆ ซึ่งหมายรวมถึงบรรดาอิมามทั้งสี่มัซฮับที่มีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน อุละมาอ์หะดีษทั้งหมด(ก็ไม่มีปรากฏมีความเห็นเกี่ยวกับเมาลิด) ยกเว้นไม่กี่คนในยุคหลังจากสามศตวรรษแรก ทุกคนที่ดำเนินตามพวกเขาเหล่านี้จะไม่เห็นด้วยต่อการทำเมาลิดจนกระทั่งถึงยุคสมัยของเรา กลุ่มเหล่านี้ก็คือ บรรพชนอิสลามและประชาชาติที่ได้รับทางนำที่อัลลอฮฺสั่งให้เราตามพวกเขาและขอดุอาอ์แห่งความโปรดปรานให้พวกเขา ซึ่งรวมถึงบรรดาเคาะลีฟะฮฺทั้งสี่ที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม สั่งให้เราตามพวกเขาในวจนะที่มีความว่า “พวกท่านต้องยึดมั่นกับแนวทางของฉันและแนวทางของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ได้รับทางนำหลังจากฉัน จงยึดมั่นเสมือนการขบมันด้วยกราม และพวกท่านจงระวังการอุตริในเรื่องราว(ศาสนา) เพราะอุตริกรรม(ในศาสนา)ทุกอย่างเป็นการหลงผิด” (บันทึกโดย อิบนุ อบี อาศิม ในหนังสือ “อัซ-ซุนนะฮฺ”, อัต-ติรมิซีย์ และอิบนุ มาญะฮฺ จากหะดีษที่เล่าโดย อิรบาฎ บิน สารียะฮฺ, อัล-อัลบานีย์ กล่าวว่าเป็นหะดีษ เศาะฮีหฺ) มีปรากฏไหมว่า พวกเขาเหล่านี้ได้ถือเอาวันเกิดของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เพื่อจัดงานฉลอง หรือทำอิบาดะฮฺเฉพาะ จัดงานตามประเพณี จัดงานรำลึก กล่าวเทศนาหรือให้คำตักเตือนใดๆ ? และถ้าหากประชาชาติที่ดีเลิศเป็นเช่นนี้ คือไม่ได้จัดงานฉลองเมาลิดแต่อย่างใด และละทิ้งไม่ปฏิบัติมัน เพื่อให้เกียรติต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่ได้เหยียดหยามท่าน โดยรู้ถึงสิทธิของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่ใช่ปฏิเสธต่อสิทธิของท่าน ฉะนั้น ใครกันเล่าที่คิดค้นอุตริงานเมาลิดโดยอ้างว่าต้องการให้เกียรติและสรรเสริญต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ด้วยสิ่งที่บรรพชนรุ่นแรกที่ดีเลิศไม่เคยให้เกียรติและไม่เคยสรรเสริญท่าน ? คำตอบก็คือ ผู้ที่จัดงานเมาลิดครั้งแรกคือผู้ปกครองแห่งราชวงศ์ฟาฏิมีย์ ในศตวรรษที่สี่ฮิจญ์เราะฮฺศักราช ซึ่งมีชื่อเรียกขานว่า “อัล-มุอิซ ลิดีนิลลาฮฺ” และเป็นที่รู้กันว่าเขาและราษฎรของเขาทั้งหมดเป็นพวกชีอะฮฺ อิสมาอีลิยะฮฺ ที่นอกรีต เลื่อมใสในปรัชญา และกล่าวอ้างว่าเป็นทายาทที่สืบทอดตระกูลของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ทว่าที่จริงพวกเขาเป็นลูกหลานของ อับดุลลอฮฺ บิน มัยมูน อัล-ก็อดดาห์ ผู้เป็นยิวและพวกบาฏินียะฮฺ พวกเขายังได้กล่าวอ้างความเป็นมะฮฺดี และปกครองชาวมุสลิมด้วยการหลองลวงและสร้างความหลงผิด เปลี่ยนศาสนาให้กลายเป็นการบิดเบือนและนอกรีต คนที่ชื่อว่า “อัล-หากิม บิ อัมริลลาฮฺ” ได้อ้างตนว่ามีคุณลักษณะแห่งพระเจ้า เป็นผู้สถาปนาลัทธิบาฏินียะฮฺมากมายหนึ่งในนั้นก็คือพวกดรูซ ได้บังคับให้ชาวอียิปต์ด่าทออบู บักร, อุมัร และอาอิชะฮฺ และแขวนคำด่าทอเหล่านี้ในมัสยิด ห้ามไม่ให้ชาวอียิปต์ละหมาดตะรอวีหฺ ให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แพร่กระจายความหวาดกลัวและการฆ่าฟัน หลั่งเลือดและสร้างความเสียหายบนพื้นแผ่นดิน ซึ่งช่างโหดร้ายโดยมิอาจจะบันทึกได้ในหนังสือแค่เล่มสองเล่ม ในยุคการปกครองของฟาฏิมีย์และด้วยความหายนะที่แพร่กระจาย ชาวอียิปต์ถึงขั้นความอดอยากแร้นแค้นจนกระทั่งต้องกินแม้กระทั่งแมว สุนัข ซากศพ และแม้แต่เด็กๆ ของพวกเขาเอง ในยุคของฟาฏิมีย์ผู้เริ่มจัดงานเมาลิดนี่เอง ที่ได้ร่วมกับพวกเกาะรอมีเฏาะฮฺเพื่อฆ่าฟันเหล่าฮุจญาต ทำลายพิธีหัจญ์ และถอนหินดำ อัล-หะญัร อัล-อัสวัด ออกจากกะอฺบะฮฺ สรุปก็คือ อุตริกรรมการทำเมาลิดเริ่มขึ้นตรงนี้ และผู้มีสติปัญญาที่ไหนอีกเล่าที่กล้าพูดว่า พวกฟาฏิมีย์นอกรีตและบิดเบือนพวกนี้ได้รับทางนำสู่สัจธรรมที่แม้แต่อบู บักร, อุมัร, อุษมาน, อะลี และเศาะหาบะฮฺทั้งหลาย รวมทั้งบรรพชนอิสลามและอุละมาอ์หะดีษคนอื่นๆ ไม่ทราบมาก่อน ? เป็นไปได้หรือที่ชนผู้ประเสริฐเหล่านี้อยู่บนความเท็จ แต่พวกฟาฏิมีย์ผู้ป่าเถื่อนอยู่บนความถูกต้อง ? และถ้าหากว่ามีคนดีและผู้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺบางคนสับสนโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์กับการเรียกร้องของพวกฟาฏิมีย์ที่อ้างว่าการจัดเมาลิดนั้นเป็นการให้เกียรติต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของท่านเหล่านี้ สามารถที่เอามาใช้เป็นหลักฐานในศาสนาของอัลลอฮฺได้กระนั้นหรือ ?!