البحث

عبارات مقترحة:

الأحد

كلمة (الأحد) في اللغة لها معنيانِ؛ أحدهما: أولُ العَدَد،...

الأعلى

كلمة (الأعلى) اسمُ تفضيل من العُلُوِّ، وهو الارتفاع، وهو اسمٌ من...

المولى

كلمة (المولى) في اللغة اسم مكان على وزن (مَفْعَل) أي محل الولاية...

อัลกุรอาน แหล่งบังเกิดสันติภาพ

التايلاندية - ไทย / Phasa Thai

المؤلف อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา ، ซุฟอัม อุษมาน
القسم مقالات
النوع نصي
اللغة التايلاندية - ไทย / Phasa Thai
المفردات الفضائل - فضائل القرآن الكريم
อธิบายถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประทานอัลกุรอาน เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการแพร่กระจายสันติภาพใหักับมวลมนุษย์ และตอบโต้ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอัลกุรอาน บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คัดมาจากหนังสือ อิสลามศาสนาแห่งสันติภาพ โดยผู้เขียน

التفاصيل

ไม่เป็นการแปลกเลยหากเราทราบว่าธรรมนูญของอิสลามคืออัลกุรอานนั้น ถูกประทานลงมาในค่ำคืน "อัล-ก็อดรฺ" ที่มีลักษณะระบุไว้ในอัลกุรอานว่า ﴿سَلامٌ هِيَ حَتَّى مَطْلَعِ الْفَجْرِ﴾ (القدر: 5) ความว่า คืนนั้นเปี่ยมด้วยความศานติ จนกระทั่งรุ่งอรุณ (97:4) นี่คือมหาคัมภีร์แห่งพระผู้เป็นเจ้า คัมภีร์แห่งศาสนาอิสลาม อันเป็นแหล่งบังเกิดสันติภาพมากมาย นั่นคือ -          สันติภาพที่ปลอดจากความเท็จและอวิชชาทุกประการ -          สันติภาพที่ปลอดจากอบายมุขและความผิดบาปทุกประการ -          สันติภาพที่ปลอดจากความอยุติธรรมและการละเมิดรุกรานทุกประการ -          สันติภาพที่ปลอดจากการกดขี่และการร่วมมือสมคบคิดมุ่งร้ายทุกประการ -          สันติภาพที่ปลอดจากความชั่วและความเลวร้ายทุกประการ -          สันติภาพที่ปลอดจากการตั้งภาคีและการอุตริทุกประการ -          สันติภาพที่ปลอดจากการปฏิเสธและการสับปลับทุกประการ -          สันติภาพที่ปลอดจากโรคร้ายและทุกข์ภัยทุกประการ -    สันติภาพที่ปลอดจากการกระซิบกระซาบของมารร้าย และการล่อลวงของดัจญาล (ตัวโกงที่จะปรากฏขึ้นก่อนวันสิ้นโลก) -          สันติภาพที่ปลอดจากการทรมานในไฟนรกและที่พักอันเลวร้ายในปรโลก   ไม่เป็นที่สงสัยอีกว่า สันติภาพนั้นมีเส้นทางมากมายที่กำเนิดขึ้น จากการชี้นำของอัลกุรอาน ในกรอบที่ดำเนินโดยท่านศาสนทูต(ขอความสันติจากอัลลอฮฺจงมีแด่ท่าน) และปวงสาวกที่ได้รับความโปรดปราน รวมทั้งบรรดาผู้ติดตามพวกเขาจวบจนวันแห่งการตอบแทน นั่นคือ เส้นทางที่เป็นด้านของการปฏิบัติจริงของมนุษย์ในการใช้ทางนำของ     อัลกุรอานแห่งพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า ﴿قَدْ جَاءَكُمْ مِنَ اللَّهِ نُورٌ وَكِتَابٌ مُبِينٌ، يَهْدِي بِهِ اللَّهُ مَنِ اتَّبَعَ رِضْوَانَهُ سُبُلَ السَّلامِ وَيُخْرِجُهُمْ مِنَ الظُّلُمَاتِ إِلَى النُّورِ بِإِذْنِهِ وَيَهْدِيهِمْ إِلَى صِرَاطٍ مُسْتَقِيمٍ﴾ (المائدة : 15-16) ความว่า แท้จริงได้มายังพวกเจ้าจากอัลลอฮฺ ซึ่งแสงสว่างและคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง ที่อัลลอฮฺทรงใช้มันชี้ทางแก่บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามความพอพระทัยของพระองค์ สู่เส้นทางแห่งสันติภาพ และพระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากความมืดมนสู่แสงสว่างด้วยการอนุมัติของพระองค์ และพระองค์ทรงชี้ทางพวกเขาสู่เส้นทางที่เที่ยงตรง  (5:15-16)   นี่คือสันติภาพที่ศาสนานี้ได้กำหนดไว้ในทุกๆ ระบอบการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ...   -          สันติภาพของปัจเจกชนและกลุ่มพวก -          สันติภาพของประเทศชาติและโลกทั้งมวล -          สันติภาพของสติปัญญาและจิตวิญญาณ -          สันติภาพของตัวตนและอวัยวะในร่างกาย -          สันติภาพของบ้านและครอบครัว -          สันติภาพของสังคมและประชาชาติ -          สันติภาพในการมีชีวิตและหลังความตาย -          สันติภาพในโลกนี้และโลกหน้า   เป็นสันติภาพที่แท้จริงที่มนุษยชาติไม่เคยพบและไม่มีวันพบนอกจากในศาสนาอิสลามนี้ สันติภาพที่ไม่มีผู้ใดสามารถซาบซึ้งถึงข้อเท็จจริงของมันได้ นอกจากผู้คนที่เคยต้องลิ้มรสสงครามแห่งความวุ่นวายและหายนะที่เกิดจากความเชื่อและกฎบัญญัติในยุคอันป่าเถื่อนที่ฝังลึกอยู่ในชีวิต แท้จริง ย่อมไม่เป็นวิสัยของสำนึกที่ดีถ้าหากผู้ใดจะนำความรุนแรงและการก่อการร้ายมาปะติดปะต่อ หรือเชื่อมโยงกับศาสนาอิสลามที่ประกาศอย่างชัดเจนในคัมภีร์อัลกุรอานว่า ห้ามคร่าชีวิตมนุษย์นอกเสียจากด้วยเหตุที่ถูกต้องชัดเจน ตามหลักบัญญัติทางศาสนา และผ่านกระบวนการตัดสินพิพากษา อัลลอฮฺได้ตรัสว่า ﴿وَلا تَقْتُلُوا النَّفْسَ الَّتِي حَرَّمَ اللَّهُ إِلاَّ بِالْحَقِّ ﴾ (الأنعام : 151) ความว่า และพวกเจ้าอย่าฆ่าชีวิตใดที่อัลลอฮฺได้ห้ามไว้ เว้นแต่ด้วยความถูกต้อง(ด้วยเหตุที่อนุญาติให้กระทำได้) (6:151)   ด้วยเหตุนี้เหล่าอุละมาอฺ(ปราชญ์มุสลิม) จึงมีความเห็นว่า เป็นการต้องห้ามที่จะฆ่าผู้ใดก็ตามเพียงเพราะเขาไม่ใช่ผู้ศรัทธา  เพราะไม่มีการบังคับในการนับถือศาสนาอิสลาม อัลลอฮฺได้ตรัสว่า ﴿لا إِكْرَاهَ فِي الدِّينِ ﴾ (سورة البقرة: 256) ความว่า ไม่มีการบังคับในการนับถือศาสนา(อิสลาม) (2:256)   บทลงโทษสำหรับผู้ทำลายสันติภาพ เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการพิทักษ์สันติภาพ อิสลามได้กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่กระทำการใดๆ อันจะนำไปสู่การบั่นทอนสันติภาพในสังคมมนุษย์ อาทิเช่น บทลงโทษสำหรับผู้ก่อการทะเลาะวิวาท การลักขโมย การฆ่าผู้อื่น และการล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น อิสลามยังกำหนดโทษอันหนักหน่วงกับอาชญากรผู้ก่อภยันตรายความวุ่นวาย และความไม่สงบสุขต่อชีวิต ทรัพย์สินและเกียรติของมนุษย์ อัลลอฮฺได้ตรัสว่า ﴿إِنَّمَا جَزَاءُ الَّذِينَ يُحَارِبُونَ اللَّهَ وَرَسُولَهُ وَيَسْعَوْنَ فِي الْأَرْضِ فَسَاداً أَنْ يُقَتَّلُوا أَوْ يُصَلَّبُوا أَوْ تُقَطَّعَ أَيْدِيهِمْ وَأَرْجُلُهُمْ مِنْ خِلافٍ أَوْ يُنْفَوْا مِنَ الأَرْضِ﴾ (المائدة : 33) ความว่า แท้จริงแล้ว ผลตอบแทนของบรรดาผู้ที่ก่อสงครามกับอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และพยายามสร้างความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน คือ(การลงโทษด้วย)การประหารชีวิต หรือตรึงด้วยไม้กางเขน หรือตัดมือตัดเท้าด้วยการสลับข้าง หรือเนรเทศออกจากแผ่นดิน (5:33)   สุดท้ายนี้ จึงขอเชิญชวนทุกท่านไม่ว่าจะเป็นปัจเจกบุคคล องค์กรระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดานักวิชาการทั้งหลาย ขอให้ศึกษารายละเอียดของอิสลามอย่างถี่ถ้วน โดยอาศัยอัลกุรอานและคำสั่งสอนของท่านศาสนทูต (ขอความจำเริญและความสันติจงมีแด่ท่าน) โดยผ่านตำราการอธิบายของนักวิชาการอิสลาม ซึ่งเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่ศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่บิดเบือนด้วยการแทรกซึมของพวกตะวันตกบางพวก รวมทั้งผู้ที่ไม่รู้จริงเกี่ยวกับอิสลาม เพราะแท้จริงอิสลามคือศาสนาที่สามารถสร้างสันติภาพ และความปลอดภัยให้กับมนุษย์ทั้งมวล และเคยปักธงแห่งสันติภาพได้สำเร็จมาแล้วในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ช่างน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง กับบรรดาผู้ที่ตัดสินปฏิเสธอิสลาม หรือแม้กระทั่งแสดงความเกลียดชัง โดยที่ไม่ได้ศึกษาและเข้าถึงแก่นแท้ของคำสอนอิสลามเสียก่อน ! ขออัลลอฮฺทรงชี้ทางพวกเขาด้วยเถิด ในขณะเดียวกัน เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเชิญชวนให้มีการสนทนาระหว่างศาสนา และการพูดคุยทางวิชาการ เพื่อเป้าประสงค์อันงดงามด้วยวิธีการที่ดีที่สุด เราขอเชิญชวนให้ทุกคนน้อมรับอิสลามและความโปรดปรานของอัลลอฮฺ อันเป็นหนทางแห่งสันติภาพที่แท้จริงโดยพร้อมเพรียงกัน อิสลามคือศาสนาเดียวที่ได้รับการพิทักษ์จากพระผู้เป็นเจ้าให้คงอยู่ โดยปลอดจากการบิดเบือนและการเปลี่ยนแปลง อัลกุรอานอันเป็นคัมภีร์ที่ถูกประทานโดยอัลลอฮฺ และได้รับการพิทักษ์รักษาจากพระองค์ไม่ให้มีการแก้ไขปลอมแปลงใดๆ ทั้งสิ้น อัลกุรอานที่มีอยู่ทุกวันนี้คือ    อัลกุรอานฉบับเดียวกันกับที่ถูกประทานลงมาให้ท่านศาสนทูตมุหัมมัด (ขอความจำเริญและสันติมีแด่ท่าน) ตั้งแต่ 1,400 กว่าปีมาแล้ว เป็นมหาคัมภีร์ที่บริสุทธิ์ ไม่มีการคละเคล้าปะปนด้วยอารมณ์ใฝ่ต่ำของมนุษย์ ไม่มีความเท็จทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทว่าเป็นการประทานจากองค์อภิบาลผู้ทรงปรีชาและทรงรอบรู้ยิ่ง ขอได้สดับฟังและตอบรับคำเชิญชวนของอัลลอฮฺสู่สันติภาพที่แท้จริงและครอบคลุม ซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้ว่า ﴿يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا ادْخُلُوا فِي السِّلْمِ كَافَّةً وَلا تَتَّبِعُوا خُطُوَاتِ الشَّيْطَانِ إِنَّهُ لَكُمْ عَدُوٌّ مُبِينٌ﴾ (البقرة: 208) ความว่า โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเข้าอยู่ในความสันติโดยทั่วทั้งหมด และจงอย่าตามย่างก้าวของชัยฏอน แท้จริงมันคือศัตรูที่ชัดแจ้งของพวกเจ้า (2:208)   นี่คือคำเชิญชวนสู่สันติภาพอันเที่ยงแท้ มิใช่เช่นความเป็นจริงในปัจจุบันที่เจ็บปวด ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในทุกมุมของโลก อันเกิดจากแผนการร้ายของเหล่าผู้ปฏิเสธที่ต้องการให้สังคมโลก โดยเฉพาะประเทศอิสลามหรือสังคมอิสลาม ต้องอยู่ในภาวะก้ำกึ่งระหว่าง "ไม่ใช่สันติภาพ" และ "ไม่ใช่สงคราม" โอ้ อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ได้ประกาศแล้ว ขอพระองค์ทรงเป็นสักขีด้วย ! โอ้ อัลลอฮฺ ได้โปรดชี้ทางแก่พวกเรา และแก่หมู่พวกของเราทั้งหลาย เพราะโดยแท้แล้ว พวกเขานั้นไม่รู้จริง !

المرفقات

2

อัลกุรอาน แหล่งบังเกิดสันติภาพ
อัลกุรอาน แหล่งบังเกิดสันติภาพ