ตัวอย่างบทบาทของมุสลิมะฮฺในการทำหน้าที่เป็นเสาหลักสำหรับคู่ชีวิตของนาง จากเรื่องเล่าของบรรดาภริยาท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม และเหล่าเศาะหาบิยาต ผู้เป็นบุปผชาติแห่งสวนสวรรค์
التفاصيل
> > > > ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ บทบาทของสตรี ศึกษาตัวอย่างจากประวัติของเศาะหาบิยาต แท้จริงแล้วอัลลอฮฺได้สร้างมนุษย์ทั้งเพศชายและเพศหญิงเป็นคู่กัน โดยทั้งคู่เป็นสิ่งที่ขาดจากกันไม่ได้เพื่อความสมบูรณ์ของชีวิต ดังปรากฏในวจนะของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม มีใจความว่า “แท้จริงแล้วเหล่าผู้หญิงนั้นคือผู้เคียงคู่ผู้ชาย” (อบู ดาวูด) ดังนั้นจึงไม่เป็นที่คลางแคลงอีกเลยว่า บทบาทของผู้หญิงในการร่วมกันสร้างสรรค์ชีวิตครอบครัวและสังคมให้ดีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด โดยถ้าจะหมายถึงว่าเป็นเสาหลักแล้วก็เป็นการตีความที่ถูกต้องตามนัยยะที่ว่าภาระหน้าที่อีกส่วนหนึ่งในชีวิตผู้ชายมิอาจจะสมบูรณ์ได้ถ้าหากปราศจากผู้หญิง สังเกตได้จากหะดีษบทหนึ่งซึ่งมีความว่า “ผู้ใดที่อัลลอฮฺประทานภรรยาที่ดีให้เขา แน่แท้ย่อมแสดงว่าพระองค์ได้ช่วยเหลือในครึ่งหนึ่งของศาสนาเขาแล้ว” (อัล-หากิม) ณ ที่นี้ขอยกตัวอย่างบทบาทของมุสลิมะฮฺในการทำหน้าที่เป็นเสาหลักสำหรับคู่ชีวิตของนาง จากเรื่องเล่าของบรรดาภริยาท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม และเหล่าเศาะหาบิยาต ผู้เป็นบุปผชาติแห่งสวนสวรรค์ พอสังเขปดังนี้ 1. เคาะดีญะฮฺ บินติ คุวัยลิด เคาะดีญะฮฺ บินติ คุวัยลิด เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา ภริยาคนแรกของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม เป็นสตรีหมายเลขหนึ่งซึ่งประเสริฐที่สุดในหมู่สตรีทั้งหลายในโลก ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม มักจะพูดถึงนางด้วยความชื่นชมและยกย่องเสมอ ท่านอาอิชะฮฺ เคยเล่าว่า “ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม เมื่อกล่าวถึงเคาะดีญะฮฺแล้ว ไม่เบื่อที่จะพูดยกย่องและอิสติฆฺฟารฺ(ขออภัยโทษจากอัลลอฮฺ)ให้นาง วันหนึ่งขณะที่ท่านพูดถึงนางอีกครั้งฉันมีความรู้สึกหึงหวงขึ้นมา จึงได้กล่าวแก่ท่านว่า แท้จริงอัลลอฮฺได้ทดแทนให้ท่านจากหญิงที่มีอายุมาก(ด้วยภรรยาคนอื่น)แล้ว เมื่อนั้นฉันเห็นท่านรอซูลโกรธมากจนฉันใจสั่น และคิดในใจว่า โอ้ อัลลอฮฺ หากพระองค์ทำให้ท่านหายโกรธฉันแล้ว ฉันจะไม่กล่าวถึงเคาะดีญะฮฺด้วยคำพูดที่ไม่ดีอีกเลย เมื่อท่านรอซูลเห็นอาการฉันเช่นนั้น จึงกล่าวขึ้นว่า ((เธอพูดเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ แท้จริงนาง(เคาะดีญะฮฺ)ได้ศรัทธาต่อฉันในขณะที่คนอื่นทั้งหลายไม่ยอมเชื่อ นางได้ต้อนรับฉันในขณะที่ผู้อื่นปฏิเสธฉัน และฉันยังได้มีบุตรกับนาง ในขณะที่พวกเธอไม่มีบุตรกับฉันเลย))” (อัซ-ซะฮะบีย์. สิยัร อะอฺลาม อัน-นุบะลาอฺ. 2:112) เมื่อครั้งที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้เจอญิบรีลครั้งแรก ซึ่งสร้างความตระหนกตกใจแก่ท่านเป็นอย่างยิ่ง ท่านได้กลับไปหาเคาะดีญะฮฺด้วยอาการสั่นทั้งตัวเพราะความกลัว ท่านได้สั่งให้นางห่มผ้าให้และพูดกับนางว่า ((ฉันเป็นอะไรนี่เคาะดีญะฮฺ? ฉันกลัวเหลือเกินว่าจะเกิดอะไรไม่ดีกับฉัน)) นางได้ตอบท่านว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นอย่างแน่นอน จงยินดีเถิด ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ พระองค์จะไม่ทรงทำร้ายท่านเด็ดขาด แท้จริงท่านเป็นผู้ที่ผูกสัมพันธ์กับญาติมิตร ท่านเป็นผู้สัจจริงในคำพูด ท่านคอยแบกรับความเดือดร้อนของผู้อื่น และคอยช่วยเหลือในความถูกต้อง” นางยังได้พาท่านรอซูลไปหา วะรอเกาะฮฺ อิบนุ เนาฟัล ญาติผู้หนึ่งของนางที่เป็นผู้รู้เกี่ยวกับคัมภีร์อินญีล ซึ่งได้บอกแก่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ว่า ผู้ที่มาหาท่านนั้นคือญิบรีล ผู้เคยลงมาหาศาสนทูตมูซาแล้วในอดีต (อัล-บุคอรีย์ ดู อัซ-ซะฮะบีย์. 2:112) 2. อาอิชะฮฺ บินติ อบู บักรฺ ในบรรดาภริยาทั้งหลายของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ท่านอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา เป็นภรรยาที่ท่านรักมากที่สุด เพราะนางมีความพิเศษหลายประการที่สร้างความสุขให้ชีวิตของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ในฐานะสามี สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือความสุขที่ได้รับจากภรรยา และอาอิชะฮฺได้ทำหน้าที่นี้อย่างดีเยี่ยมแก่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม นางเป็นภรรยาคนเดียวที่ท่านรอซูลแต่งงานในขณะที่ยังเป็นสาว เป็นบุตรีของอบู บักรฺ สหายผู้เป็นที่รักที่สุดของท่านรอซูล นางมีนิสัยเยี่ยงเด็กสาวที่มักจะขี้เล่น อ่อนโยน ไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ ในขณะที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นยอด และเข้าใจปรนนิบัติสามีของนางอย่างดี ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เล่าให้ฟังว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้วิ่งแข่งกับนางและนางได้วิ่งชนะท่าน จนเมื่อนางอ้วนขึ้นท่านก็วิ่งชนะนาง และกล่าวแก่นางว่า “นี่อาอิชะฮฺ ชนะครั้งนี้แทนที่แพ้ครั้งก่อนไงล่ะ” (อะหฺมัด, อบู ดาวูด, อัน-นะสาอีย์, อิบนุ มาญะฮฺ. ดู อัซ-ซะฮะบีย์. 2:174) ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม เคยนอนหนุนตักอาอิชะฮฺในขณะที่นางมีรอบเดือน และท่านได้อ่านอัล-กุรอานให้นางฟัง ท่านเคยจูบนางในขณะที่นางถือศีลอด และยังให้นางหวีผมให้เมื่อตอนที่ท่านอิอฺตีก้าฟในมัสยิดโดยยื่นศรีษะให้นางซึ่งอยู่นอกมัสยิด (อัล-บุคอรีย์และมุสลิม) ท่านอาอิชะฮฺ ได้เล่าอีกว่า เคยอาบน้ำญะนาบะฮฺร่วมกับท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม จากถังใบเดียว ท่านได้รีบอาบแข่งกับฉัน จนฉันกล่าวว่า ปล่อยบ้าง ปล่อยให้ฉันอาบบ้าง (มุสลิม) เมื่อครั้งที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ใกล้จะเสียชีวิตนั้น อับดุรเราะฮฺมาน อิบนุ อบู บักรฺ ได้เข้ามาหาท่านพร้อมไม้สีฟันที่ยังสดอยู่ ท่านได้มองดูมัน จนท่านอาอิชะฮฺสังเกตเห็นและเข้าใจว่าท่านต้องการมัน นางเล่าว่า “ฉันจึงเอาไม้สีฟันนั้นมากัดให้นุ่มและส่งให้ท่าน ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ใช้ไม้นั้นสีฟันและส่งมันคืนแก่ฉัน แต่มือของท่านตกลงไปด้วยไม่มีแรง ฉันได้ขอดุอาอ์ให้ท่านด้วยดุอาอ์ที่ญิบรีลได้ขอให้ท่านทุกครั้ง เป็นดุอาอ์ที่ท่านรอซูลเองขอให้ตัวเองเมื่อท่านป่วย แต่ครั้งนี้ท่านไม่ได้อ่านมัน จากนั้นท่านได้มองไปยังเบื้องบนและกล่าวว่า ((สู่การเป็นสหายกับผู้สูงส่งยิ่ง)) แล้วลมหายใจของท่านก็หมดลง ขอสรรเสริญอัลลอฮฺที่ได้รวมน้ำลายของฉันกับของท่านในห้วงสุดท้ายแห่งชีวิตของท่านรอซูลในโลกดุนยา” (อะหฺมัด, อัล-หากิม. ดู อัซ-ซะฮะบีย์. 2:189) มีคนถามท่านอาอิชะฮฺว่า โอ้ ผู้เป็นมารดาแห่งศรัทธาชน อัลกุรอานและความรู้เกี่ยวกับสิ่งหะลาลและหะรอมนั้นท่านรับมาจากรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ส่วนความรู้เกี่ยวกับกวี เชื้อสาย และเรื่องเล่านั้นท่านรับมาจากบิดาและคนอื่นๆ แล้วความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ท่านรับมาจากไหนกันเล่า? ท่านอาอิชะฮฺตอบว่า “ได้มีแขกจากที่ต่างๆ มาหาท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม เป็นประจำ บ่อยครั้งที่มีผู้ถามท่านเกี่ยวกับโรคนั้นโรคนี้ และท่านได้บอกพวกเขาถึงยาต่างๆ ในการใช้รักษา ฉันได้ฟังได้จำมาและเข้าใจมัน” (อัซ-ซะฮะบีย์. 2:197) 3. อุมมู สะละมะฮฺ เมื่อครั้งที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม เสร็จจากการทำสนธิสัญญาฮุดัยบิยะฮฺ ท่านได้สั่งบรรดาเศาะหาบะฮฺให้เชือดสัตว์และโกนผมเพื่อออกจากอิหฺรอม แต่ต่างคนต่างก็ไม่มีผู้ใดทำเพราะยังฝังใจที่พวกกุเรชขัดขวางไม่ให้เข้ามักกะฮฺ ท่านได้สั่งเช่นนั้นถึงสามครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครทำตาม จึงเข้าไปหาอุมมุ สลามะฮฺ และเล่าให้นางฟัง ด้วยไหวพริบของอุมมุ สลามะฮฺ นางบอกแก่ท่านรอซูลว่า “ท่านจงออกไปโดยไม่ต้องพูดกับผู้ใดทั้งสิ้น จนกว่าท่านได้เชือดสัตว์และโกนผมแล้ว” ท่านจึงได้ออกไปอีกครั้งและทำตามที่นางเสนอ เมื่อเหล่าเศาะหาบะฮฺเห็นดังนั้นจึงรีบทำตามท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กันอย่างถ้วนหน้า (อิบนุล ก็อยยิม. ซาดุล มะอาด ) 4. อุมมู ซุลัยมฺ อุมมู ซุลัยมฺ เป็นภรรยาของอบู ฏ็อลหะฮฺ เป็นมารดาของท่านอะนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุม อะนัส เคยเล่าถึงแม่ของท่านว่า ลูกคนหนึ่งของอุมมู ซุลัยมฺ ป่วยหนัก เมื่ออบู ฏ็อลหะฮฺ ออกไปยังมัสยิดเด็กน้อยก็เสียชีวิต นางจึงจัดแจงศพของเขาให้เรียบร้อยและสั่งว่าอย่าเพิ่งบอกแก่อบู ฏ็อลหะฮฺ เมื่ออบู ฏ็อลหะฮฺกลับมา นางก็จัดอาหารค่ำให้และทั้งสองร่วมหลับนอนจนกระทั่งเมื่อถึงช่วงท้ายของคืน นางก็พูดกับอบู ฏ็อลหะฮฺว่า “ท่านเห็นอย่างไรกับครอบครัวหนึ่งที่ยืมของจากคนอื่นมา และเมื่อเจ้าของมาทางของคืนพวกเขากลับไม่ยอมให้มันแก่เขา และรู้สึกลำบากที่จะคืนให้” อบู ฏ็อลหะฮฺ ตอบว่า “แสดงว่าพวกเขาไม่มีสำนึก” นางจึงกล่าวต่อว่า “แท้จริงลูกของท่านก็เป็นสิ่งที่อัลลอฮฺให้ท่านยืมมา แล้วพระองค์ก็ได้มาเอาคืนไปแล้ว” เมื่อนั้นอบู ฏ็อลหะฮฺ จึงได้กล่าว อินนาลิลลาฮฺ วะอินนา อิลัยฮิ รอญิอูน และสรรเสริญอัลลอฮฺ จนเมื่อถึงรุ่งเช้า อบู ฏ็อลหะฮฺ ได้ไปพบกับท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ไม่ทันที่จะพูดอะไร ท่านรอซูล ก็กล่าวว่า ((ขออัลลอฮฺทรงประทานความประเสริฐให้กับคืนของพวกเจ้าทั้งสอง)) (อัล-บุคอรีย์และมุสลิม ดู อัซ-ซะฮะบีย์. 2:310) 5. อัสมาอ์ บินติ อบู บักรฺ อัสมาอ์ บินติ อบู บักรฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา เป็นผู้ที่คอยนำอาหารและน้ำให้ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม และบิดาของนาง เมื่อครั้งที่ทั้งสองอพยพจากมักกะฮฺและพักอยู่ในถ้ำหิรออฺ นางได้เล่าให้ฟังว่า “ฉันได้เตรียมสำรับให้ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ในบ้านของพ่อเมื่อครั้งที่ท่านต้องการอพยพ แต่ฉันไม่มีเชือกที่จะใช้ผูกถุงสำรับอาหารและที่ใส่น้ำดื่ม ฉันกล่าวกับพ่อว่า ฉันไม่มีอะไรนอกจากผ้าคาดเอวของฉันเท่านั้น ท่านจึงสั่งให้ฉันฉีกผ้าออกเป็นสองสายและใช้ผูกถุงสำรับอาหารกับน้ำดื่ม” ตั้งแต่นั้นมานางจึงได้ชื่อว่า ซาตุน นิฏอก็อยนฺ หมายถึง หญิงผู้มีผ้าคาดเอวสองสาย และอบู ญะฮัล ได้มาหานางที่บ้านเพื่อซักถามว่าพ่อของนางไปไหน นางเล่าว่า “ฉันตอบว่า ฉันไม่รู้ ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหน เมื่อนั้นอบู ญะฮัลจึงยกมือขึ้นตบหน้าฉันจนกระทั่งต่างหูอันหนึ่งหลุดไป” (อัซ-ซะฮะบีย์. 2:289-290) อัสมาอ์ ได้แต่งงานกับ ซุเบร อิบนุ อัล-เอาวาม นางเล่าว่า “ซุเบรได้แต่งงานกับฉัน เขาไม่มีสมบัติอะไรนอกจากม้าที่ฉันคอยดูแลและหาอาหารให้ ฉันจะคอยหาเมล็ดอินทผาลัมมาทุบให้มันกิน ฉันจะขนเมล็ดพวกนั้นจากสวนของซุเบรที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม แบ่งให้เขาซึ่งอยู่ไกลจากบ้านมาก วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินทูนเมล็ดอินผาลัมบนหัว ท่านได้รอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ขี่อูฐมาพร้อมกับเศาะหาบะฮฺหลายคน ท่านได้เข้ามาใกล้ฉันและสั่งให้อูฐนั่งลงเพื่อให้ฉันขึ้นไปขี่ข้างหลัง แต่ฉันอายและนึกถึงความหึงหวงของซุเบรจึงไม่ได้ขึ้นไปขี่ ท่านรอซูลจึงจากไป เมื่อถึงบ้านฉันได้เล่าเรื่องนี้ให้ซุเบรฟัง เขาได้กล่าวว่า “แท้จริง ที่เธอทูนเมล็ดพวกนั้นบนหัวย่อมหนักใจแก่ฉันมากกว่าที่เธอขึ้นไปขี่หลังอูฐกับท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม” จนกระทั่งเมื่ออบู บักรฺ ได้ส่งคนใช้มาให้ฉัน ฉันจึงไม่ต้องคอยดูแลม้าอีก และรู้สึกเหมือนเป็นทาสที่ถูกปลดปล่อย” (อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม ดู อัซ-ซะฮะบีย์. 2:291) ในสมัยการปกครองของอับดุลมาลิก อิบนุ มัรฺวาน บุตรคนหนึ่งของนางคืออับดุลลอฮฺ อิบนุ ซุเบร ไม่ยอมขึ้นต่ออับดุลมาลิก โดยได้แยกตัวมาปกครองมักกะฮฺ อับดุลมาลิกจึงใช้แม่ทัพของตนยกทัพมาตีมักกะฮฺ ในฐานะที่เป็นแม่ อัสมาอ์ ผู้มีความเด็ดเดี่ยวได้ปลูกฝังจิตสำนึกในตัวลูกของนางด้วยการสั่งเสียว่า “ลูกจงมีชีวิตอยู่ด้วยเกียรติ จงตายไปด้วยเกียรติ และจงอย่ายอมให้ใครมาจับเป็นเชลย” “เจ้าอย่าเชียวที่จะยอมรับข้อเสนอที่เจ้าไม่เห็นด้วย เพียงเพราะเจ้ากลัวตาย” (อัซ-ซะฮะบีย์. 2:293) บทเรียน เรื่องราวต่างๆ ที่ยกมาเป็นตัวอย่างของเหล่าสตรีศอลิหะฮฺที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทในการเป็นเสาหลัก ทั้งในด้านการเป็นพลังทางใจที่สำคัญ เป็นผู้มอบความสุขในชีวิตให้แก่สามี เป็นที่ปรึกษา เป็นผู้ปรนนิบัติ ผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ยืนหยัดและเด็ดเดี่ยว คอยช่วยเหลือ เข้าใจและรับภาระในหน้าที่ของตนอย่างมั่นคง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น วัลลอฮฺ อะอฺลัม