البحث

عبارات مقترحة:

المؤخر

كلمة (المؤخِّر) في اللغة اسم فاعل من التأخير، وهو نقيض التقديم،...

القوي

كلمة (قوي) في اللغة صفة مشبهة على وزن (فعيل) من القرب، وهو خلاف...

البر

البِرُّ في اللغة معناه الإحسان، و(البَرُّ) صفةٌ منه، وهو اسمٌ من...

อะไร คือ อิสลาม ?

التايلاندية - ไทย / Phasa Thai

المؤلف อบูยุสรอ อิสมาอีล บิน อะห์มัด ، ซุฟอัม อุษมาน
القسم كتب وأبحاث
النوع نصي
اللغة التايلاندية - ไทย / Phasa Thai
المفردات الإعجاز العلمي في القرآن - تعريف الإسلام - الإعجاز العلمي في السنة
อะไร คือ อิสลาม ? แนะนำและอธิบายอิสลามเบื้องต้นสำหรับผู้ไม่ใช่มุสลิม เพื่อทำความรู้จักอิสลามในระดับแรก มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมุสลิมและศาสนาอิสลาม รวมทั้งข้อพิสูจน์บางประการเกี่ยวกับอิสลามที่ปรากฏในอัลกุรอานและสุนนะฮฺหรือวจนะของท่านศาสนทูต

التفاصيل

อิสลามคืออะไร? อิสลามคืออะไร? เราจะสามารถหาคำอธิบายในความยิ่งใหญ่ของจักรวาลได้อย่างไร ? มีคำชี้แจงใดๆบ้างที่สร้างความมั่นใจแก่เราถึงการมีอยู่ที่เร้นลับนี้ ? หลักความเชื่อของศาสนาอิสลาม มุสลิมผู้ยึดมั่นอย่างแท้จริงและเคร่งครัด จำต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธาในข้อบังคับดังต่อไปนี้ หลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม             ในอิสลามมีหลักปฏิบัติห้าประการที่จำเป็นดังนี้ ชะฮาดะตัยน์ เศาะลาฮฺ เศาะลาฮฺ หรือการละหมาดดังกล่าว คือ ·         เศาะลาตุล ฟัจญ์รฺ หรือ นมาซศุบห์ (เวลาก่อนรุ่งสาง) ·         เศาะลาตุซซุฮฺรี  (เวลาหลังเที่ยง) ·         เศาะลาตุลอัศร์  (เวลาบ่ายและเริ่มเข้าช่วงเย็น) ·         เศาะลาตุลมัฆริบ  (หลังตะวันตกดิน) ·         เศาะลาตุลอิชาอ์  (เวลากลางคืน) ซะกาต เศาว์มฺ ฮัจญ์  อิสลามคืออะไร?ما هو الإسلام؟ อิสลามคืออะไร? เราจะสามารถหาคำอธิบายในความยิ่งใหญ่ของจักรวาลได้อย่างไร ? มีคำชี้แจงใดๆบ้างที่สร้างความมั่นใจแก่เราถึงการมีอยู่ที่เร้นลับนี้ ?เราสำนึกและเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ไม่มีครอบครัวใดจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปราศจากหัวหน้าครอบครัวที่มีความรับผิดชอบ และไม่มีเมืองใดๆที่จะสามารถเจริญรุ่งเรืองได้ นอกจากการบริหารที่ดีและไม่มีรัฐใดๆที่จะสามารถรอดอยู่ได้ นอกจากจะต้องมีผู้นำที่มีความสามารถ และเรายอมรับในความเป็นจริงว่า ไม่มีสิ่งใดๆ จะบังเกิดขึ้นเองได้โดยลำพัง นอกจากนั้น เรายังสามารถสังเกตเห็นว่า จักรวาลอันยิ่งใหญ่ถูกจัดอยู่อย่างมีระเบียบ และปฏิบัติหน้าที่ของมัน อย่างมีประสิทธิภาพ และมันอยู่รอดอย่างนี้มาเป็นเวลาพัน ๆ ปีมาแล้ว อย่างนี้เราจะกล่าวว่า ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ อย่างไม่มีแบบแผนได้อย่างไร ? เราจะให้เหตุผลว่า การมีอยู่ของมนุษย์และจักรวาลโลกนี้เป็นไปตามธรรมชาติได้อย่างไร ?            มนุษยชาติเรานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เล็กที่สุดของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ หากเขาเคยเป็นผู้วางแผนการและเห็นในคุณค่าและความดีงามของแผนการนั้น การเป็นอยู่ของเขาและการอยู่รอดของจักวาลก็จำเป็นต้องตั้งอยู่บนหลักการวางแผนและนโยบายที่ดีเช่นกัน            นี่หมายถึง การมีอยู่ขององค์ประกอบแห่งปัจจัยของเรานี้ ได้ถูกออกแบบและวางแผนมาล่วงหน้าอย่างมีระบบ และต้องมีอำนาจพิเศษในการที่จะให้บังเกิดและบังคับมันให้ดำเนินไปอย่างมีระบบด้วยดี            ในโลกนี้ต้องมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง ที่ดำรงอยู่ตลอดกาล เพื่อบังคับให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างมีระบบในความสวยงามแห่งธรรมชาตินี้ก็เช่นกันจะต้องมีผู้สร้างผู้ให้บังเกิดที่ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งได้ให้บังเกิดศิลปกรรมชิ้นหนึ่งที่งามเลิศ และทรงสร้างทุกสรรพสิ่งสำหรับจุดประสงค์อันดียิ่งของชีวิต            บุคคลผู้ซึ่งรู้แจ้ง เห็นชัด ต้องยอมรับว่า ผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่นี้ คือ “พระผู้ทรงเป็นเจ้า”(ศาสนาอิสลามเรียกพระองค์ว่า อัลลอฮฺ)พระองค์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เพราะมนุษย์ไม่สามารถสร้างหรือให้บังเกิดมนุษย์ด้วยกันได้ และพระองค์ก็ไม่ใช่สัตว์ หรือต้นไม้ พระองค์ไม่ใช่เทวรูปหรือรูปปั้นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่สามารถให้บังเกิดตนเอง และไม่สามารถให้บังเกิดสิ่งอื่นจากมันได้ พระองค์ทรงคุณลักษณะที่แตกต่างจากสิ่งเหล่านี้โดยสิ้นเชิง เพราะพระองค์คือ พระผู้ทรงสร้างและผู้ทรงดูแลรักษาสรรพสิ่งทั้งมวล พระผู้ทรงสร้างนั้นย่อมจะแตกต่างและยิ่งใหญ่กว่าสิ่งถูกสร้างทั้งหลายในชั้นฟ้าและแผ่นดิน            เราสามารถรู้จัก “อัลลอฮฺ”พระผู้เป็นเจ้าได้ด้วยหลายวิถีทาง และมีสรรพสิ่งหลายอย่างที่บ่งบอกถึงพระองค์ ความพิศวงอันมากมายคณานับ และความซาบซึ้งอันประหลาดยิ่งของโลกเรานี้ เปรียบเสมือน หนังสือที่เปิดกว้างอยู่ ซึ่งเราสามารถอ่านได้เกี่ยวกับพระองค์อัลลอฮฺ นอกจากนี้ พระองค์ได้ทรงประทานความช่วยเหลือแก่เราโดยผ่าน บรรดาศาสนทูตและคัมภีร์ต่างๆ ที่พระองค์ส่งมายังมนุษยชาติ บรรดาศาสนทูตและคัมภีร์เหล่านี้ สามารถชี้แจงถึงสิ่งที่เราต้องการรู้เกี่ยวกับพระองค์อัลลอฮฺ การยอมรับโดยดุษฎีในหลักคำสั่งสอนและทางนำแห่ง “อัลลอฮฺ”ดังที่ได้ถูกประทานแก่ท่านศาสนทูตมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม นั่นคือ ศาสนา แห่ง อิสลาม            อิสลาม ได้สั่งสอนในเรื่องความศรัทธาในเอกภาพและอำนาจสูงสุดแห่งอัลลอฮฺ ซึ่งได้ทำให้มนุษยชาติได้ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของจักรวาล และการเป็นอยู่ของเขาในจักรวาลนี้ หลักความเชื่อถือดังกล่าวได้ทำให้มนุษย์ชาติมีความรู้สึกปราศจากความกลัวต่าง ๆ และทำลายความเชื่อถือทางไสยศาสตร์ โดยทำให้มนุษยชาติมีจิตสำนึก ในการมีอยู่ของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ และสำนึกในหน้าที่ในฐานะบ่าวที่มีต่อนาย ความเชื่อถือนี้จำต้องแสดงออกและตรวจสอบด้วยการกระทำ เพียงแค่ความเชื่อถือเท่านั้นไม่เป็นการเพียงพอ ความเชื่อศรัทธาในอัลลอฮฺองค์เดียวจำเป็นต้องมองมนุษยชาติในฐานะครอบครัวหนึ่ง ภายใต้อำนาจแห่งสากลจักรวาลของอัลลอฮฺ พระผู้ทรงสร้าง พระผู้ทรงประทานเครื่องยังชีพ ต่อสรรพสิ่งทั้งมวล            อิสลาม ปฏิเสธแนวความคิดเกี่ยวกับ “ชนผู้ถูกคัดเลือก”การเชื่อมั่นศรัทธาในพระองค์อัลลอฮฺและปฏิบัติตนด้วยวิถีที่ดีงาม เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะนำพาเราสู่สวนสวรรค์ ดังนั้น ความสัมพันธ์ต่อพระองค์อัลลอฮฺจึงสามารถกระทำได้โดยตรง และปราศจากสื่อกลางใด ๆ             อิสลามหาใช่ศาสนาใหม่แต่อย่างใดไม่ แต่เป็นแก่นแท้ของสารดั้งเดิมและเป็นทางนำซึ่งพระองค์ได้ทรงประทานให้แก่บรรดาศาสนทูตทุกท่านก่อนหน้านี้เช่น ศาสนทูตอาดัม, ศาสนทูตนูฮฺ(โนอาห์), ศาสนทูตอิสมาอีล (ยิสมาอิล),ศาสนทูตอิสหาาก(ไอแซก), ศาสนทูตดาวูด (เดวิด), ศาสนทูตมูซา (โมเสส),ท่านศาสนทูตอีซา(พระเยซูคริสต์) ขอความสันติสุข จงมีแด่ท่านเหล่านั้นทุกคนคัมภีร์อัลกุรอาน คือ พระดำรัสสุดท้ายที่ได้ถูกประทานลงมา ซึ่งนับว่าเป็นที่มาแห่งหลักคำสั่งสอนและกฎหมายอิสลาม            คัมภีร์อัลกุรอาน มีสาระสัมพันธ์กับพื้นฐานแห่งข้อบัญญัติทางศาสนา, จริยธรรม, ประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ, การเคารพภักดี, ความรู้วิชาการ, วิทยปัญญา, ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระผู้เป็นเจ้า, และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษยชาติในทุกด้าน, เป็นคำสอนที่กว้างขวาง ซึ่งบนพื้นฐานดังกล่าว สามารถสร้างระบบที่ถูกต้องในด้านความยุติธรรมในสังคมมนุษยชาติ,ระบบเศรษฐศาสตร์, การเมืองการปกครอง, นิติบัญญัติ, นิติศาสตร์, กฎหมาย, และความสัมพันธ์นานาชาติ, เหล่านี้ คือ สาระส่วนประกอบที่สำคัญยิ่งของคำสั่งสอนแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอาน และพจนารถอันเป็นถ้อยคำสอนและแบบอย่างของท่านศาสนทูตมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งได้ถูกรายงานและรวบรวมโดยบรรดาสาวกผู้อุทิศตนของท่านอย่างพิถีพิถันมาก และได้ให้คำบรรยายโองการคัมภีร์อัลกุรอานอย่างละเอียด หลักความเชื่อของศาสนาอิสลาม มุสลิมผู้ยึดมั่นอย่างแท้จริงและเคร่งครัด จำต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธาในข้อบังคับดังต่อไปนี้1.      ต้องศรัทธามั่นในอัลลอฮฺองค์เดียว ผู้ทรงมีอำนาจสูงสุด ผู้ทรงมีอยู่ชั่วนิรันดร์ ผู้ทรงคุณลักษณะเป็นเจ้า ผู้ทรงอภิสิทธิแต่ผู้เดียว ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงสร้างและผู้ทรงประทานให้ซึ่งเครื่องยังชีพ2.      ต้องศรัทธามั่นใน บรรดาศาสนทูต (หรือที่เรียกว่า รอซูล) ทั้งหลายของอัลลอฮฺโดยปราศจากการแบ่งแยกใด ๆ ระหว่างท่านเหล่านั้น ทุก ๆ ประชาชาติ ที่มีชื่อในอดีต ต่างก็มี ศาสนทูตผู้กล่าวเตือน ซึ่งถูกส่งมาโดยอัลลอฮฺ ท่านเหล่านั้นได้รับเลือกจากพระองค์ เพื่อมาสั่งสอนมนุษยชาติ และนำข่าวสารของพระองค์มาเผยแพร่ อัล-กุรอานได้กล่าวถึงชื่อ บรรดารอซูล 25 ท่าน สำหรับท่านศาสนทูตมูฮัมหมัด เป็น รอซูลท่านสุดท้ายในบรรดารอซูลที่ถูกส่งมาทั้งหมด ท่านคือผู้ทรงเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่บนรากฐานแห่งความเป็นศาสนทูต3.      มุสลิมต้องศรัทธามั่นต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ คัมภีร์เหล่านี้ คือ แสงสว่างนำทางที่ได้ถูกประทานมายังบรรดารอซูล เพื่อแนะนำ ชี้แจงให้แก่บรรดาประชาชาติของท่านได้รับทราบแนวทางที่เที่ยงตรงของอัลลอฮฺ ได้มีการกล่าวอ้างเป็นพิเศษ ถึงคัมภีร์ต่าง ๆ ของท่านศาสนทูตอิบรอฮีม(อับราฮัม), ท่าน ศาสนทูตมูซา(โมเสส), ท่านศาสนทูตดาวูด (เดวิด) และท่านศาสนทูตอีซา(พระเยซูคริสต์) แต่ทว่า บรรดาคัมภีร์ดังกล่าวบางเล่มได้ถูกแก้ไข เพิ่มเติมหรือสูญหายก่อนหน้าคัมภีร์อัลกุรอานจะถูกประทานลงมาแก่ท่านศาสนทูต มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นเวลาช้านาน ฉะนั้น พระคัมภีร์ที่ยังดำรงแบบฉบับดั้งเดิม และสมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบันนี้ ก็คือ อัลกุรอานเท่านั้น4.      มุสลิมที่แท้จริงต้องศรัทธาในบรรดามลาอิกะฮฺของอัลลอฮฺ มลาอิกะฮฺเหล่านี้ทรงรูปแบบจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ เป็นสิ่งถูกสร้างที่ดีเลิศซึ่งปราศจากความต้องการกินดื่มหรือหลับนอน มลาอิกะฮฺจะเคารพภักดีต่อพระองค์อัลลอฮฺ ตลอดกลางวันและกลางคืน เป็นบ่าวที่ทรงเกียรติของอัลลอฮฺ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญ ๆ และจะไม่พูด ก่อนที่อัลลอฮฺจะสั่ง แต่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่พระองค์ทรงสั่งใช้ทุกประการ5.      มุสลิมจำต้องศรัทธาในวันสุดท้ายวันแห่งการตัดสิน โลกนี้จะสูญสลายในวันหนึ่ง ซึ่งในวันนั้นบรรดาคนตายจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ เพื่อรับทราบผลกรรมทั้งดีและชั่ว การตัดสินจะกระทำโดยความยุติธรรมยิ่ง บุคคลใดที่ผลการบันทึกของเขาดี ก็จะได้รับรางวัลด้วยความเอื้อเฟื้อ และได้รับการต้อนรับสู่สวนสรรค์ของอัลลอฮฺ สำหรับคนที่การบันทึกของเขามีแต่ความชั่ว ก็จะได้รับการลงโทษและขับไสไล่ส่งสู่ขุมนรก6.      มุสลิมจำต้องศรัทธามั่นในกฎกำหนดสภาวะทั้งดีและชั่ว ซึ่งอัลลอฮฺ ได้ทรงกำหนดให้แก่บรรดาสิ่งถูกสร้างและมนุษยชาติ ด้วยความรอบรู้ของพระองค์เป็นการล่วงหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกวางแผนการไว้ล่วงหน้า ด้วยอำนาจและความรอบรู้ของพระองค์โดยปราศจากเวลา และไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในอาณาจักรของพระองค์นอกจากความรอบรู้และความต้องการของพระองค์ ความรอบรู้และอำนาจของพระองค์ทรงมีอยู่และปฎิบัติการได้ตลอดเวลาเหนือบ่าวและสิ่งถูกสร้างอื่น ๆ ของพระองค์ พระองค์ทรงรอบรู้เหนือทุกสรรพสิ่ง ทรงเมตตา กรุณา กิจการใด ๆ ของพระองค์ย่อมมีเป้าหมายอันดีเลิศ หากเรามีความเชื่อเช่นนี้ในจิตใจและในความคิดของเรา เราควรที่จะต้องยอมรับ ด้วยความศรัทธามั่นอย่างแท้จริงในสิ่งที่พระองค์ทรงลิขิต ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่เข้าใจได้หรือคิดว่ามันไม่ดี หลักปฏิบัติของศาสนาอิสลามการศรัทธาที่ปราศจากการปฏิบัติ ย่อมจะไร้คุณค่าตามทัศนะแห่งอิสลาม ความเชื่อมั่นโดยธรรมชาติเป็นความรู้สึกที่รับได้ง่าย และอาจจะเป็นวิถีทางที่มีผลดีที่สุด แต่เมื่อไม่ปฏิบัติหรือนำมาใช้แล้ว การมีอยู่และอำนาจแรงดลใจของมันก็จะสูญสิ้นได้โดยเร็ว             ในอิสลามมีหลักปฏิบัติห้าประการที่จำเป็นดังนี้ ชะฮาดะตัยน์ คือ การปฏิฎานตนว่า ไม่มีผู้ใดที่สมควรแก่การเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺองค์เดียว และมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม คือศาสนทูตของพระองค์ซึ่งถูกส่งมายังมนุษยชาติ จนกระทั่งวันแห่งการตัดสิน มุสลิมทั้งมวลจำต้องปฏิบัติตามแบบฉบับที่ดีงามของท่านศาสนทูต มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม  เศาะลาฮฺ หรือ นมาซ/ละหมาด คือ การสวดอ้อนวอนประจำวันห้าเวลา ดังเป็นหน้าที่ของมุสลิมทั้งชายหญิงจำต้องปฏิบัติต่ออัลลอฮฺ การปฏิบัติเศาะลาฮฺเป็นประจำจะทำให้มีความเชื่อมั่นในอัลลอฮฺมีชีวิตชีวาเพิ่มยิ่งขึ้นและจะกระตุ้นมนุษย์สู่จรรยาธรรมที่สูงส่ง นมาซยังทำให้จิตใจมีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง และยับยั้งจากการล่อลวงสู่ความประพฤติชั่ว ผิดศีลธรรม เศาะลาฮฺ หรือการละหมาดดังกล่าว คือ ·         เศาะลาตุล ฟัจญ์รฺ หรือ นมาซศุบห์ (เวลาก่อนรุ่งสาง) ·         เศาะลาตุซซุฮฺรี  (เวลาหลังเที่ยง) ·         เศาะลาตุลอัศร์  (เวลาบ่ายและเริ่มเข้าช่วงเย็น) ·         เศาะลาตุลมัฆริบ  (หลังตะวันตกดิน) ·         เศาะลาตุลอิชาอ์  (เวลากลางคืน) ซะกาต ความหมายตามตัวง่าย ๆ ของซะกาต คือ การซักฟอก, ความบริสุทธิ์,ส่วนความหมายตามหลักวิชาการของคำ ๆ นี้ ได้ถูกกำหนดไว้สำหรับทรัพย์สินมีค่าหรือเงินทองที่ครบรอบปี ซึ่งมุสลิมผู้มีทรัพย์ครอบครองในเวลาที่ถูกกำหนดไว้จำต้องจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิที่จะได้รับแต่ความสำคัญของ ซะกาตในด้านศาสนาและจิตวิญญาณนับว่ายังมีความหมายลึกซึ้งอยู่อีกมาก ดังนั้นคุณค่าของซะกาตสามารถ ส่งผลสะท้อนต่อมนุษยชาติ และสังคม การเมือง ได้เป็นอย่างดี เศาว์มฺ หรือ การถือศีลอดในช่วงเดือนเราะมะฎอน ชาวมุสลิม ไม่ได้งดเว้นจากการรับประทาน, การดื่ม และการร่วมประเวณีระหว่างเวลารุ่งสางจนกระทั่งตะวันตกดินเพียงเท่านั้น แต่เขายังจำต้องงดเว้น จากการคิดที่ไม่มีศิริมงคล, ความตั้งใจที่ชั่วร้าย และความปรารถนาอื่นๆ ตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเราะมะฎอน การถือศีลอดได้สอนให้เรามีความรัก สมัครสมาน, สามัคคี, มีความบริสุทธิ์ใจ, อุทิศเพื่อส่วนรวม, การต่อสู้และบังคับจิตใจตนเอง และยังได้สร้างความรู้สึกที่ดีต่อสังคมส่วนรวม, การอดกลั้นบังคับตนไม่ให้มีความเห็นแก่ตัวและบังคับความอยาก ฮัจญ์ (การแสวงหาบุญ ณ เมืองมักกะฮฺ)ชาวมุสลิม จำต้องไปประกอบพิธีนี้ ณ เมืองมักกะฮฺอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต หากเขามีความสามารถ ทั้งร่างกายและทรัพย์สินใช้จ่ายในการเดินทางฮัจญ์ คือ การประชุม, การชุมนุม ประจำปีด้วยความศรัทธามั่นในพระผู้เป็นเจ้า ซึ่ง ณ ที่นั้น ชาวมุสลิมจะพบปะแสดงความรู้จักซึ่งกันและกัน, ศึกษาหรือปรึกษาหารือในกิจการทั่วๆ ไปของพวกเขา และส่งเสริมบำรุงรักษา และยกฐานะกิจการของตนให้ดีขึ้น เป็นการแสดงออกซึ่งความสามัคคีแห่งโลกอิสลาม, ภราดรภาพ และความเสมอภาคของมุสลิมอิสลามคืออะไร? แนะนำและอธิบายอิสลามเบื้องต้นสำหรับผู้ไม่ใช่มุสลิมเพื่อทำความรู้จักอิสลามในระดับแรกเกริ่นนำด้วยภาพรวมโดยสังเขป และตามด้วยการอธิบายหลักความเชื่อและหลักปฏิบัติที่แก่นแกนของศาสนาอิสลามอย่างคร่าวๆ