البحث

عبارات مقترحة:

الواحد

كلمة (الواحد) في اللغة لها معنيان، أحدهما: أول العدد، والثاني:...

الطيب

كلمة الطيب في اللغة صيغة مبالغة من الطيب الذي هو عكس الخبث، واسم...

العلي

كلمة العليّ في اللغة هي صفة مشبهة من العلوّ، والصفة المشبهة تدل...

การฮิจญ์เราะฮฺที่ยิ่งใหญ่

التايلاندية - ไทย / Phasa Thai

المؤلف صالح بن فوزان الفوزان ، อุษมาน อิดรีส
القسم مقالات
النوع نصي
اللغة التايلاندية - ไทย / Phasa Thai
المفردات الرقائق والمواعظ
เพราะฉะนั้น การพูดคุยเกี่ยวกับการฮิจญ์เราะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะสัลลัม ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงการเล่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น หรือจัดขึ้นเนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองและพิธีกรรมต่างๆ เสร็จแล้วก็ถูกลืมไป โดยปราศจากอิทธิพลใดๆ.

التفاصيل

อารัมภบท มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ผู้ทรงบัญญัติให้บ่าวของพระองค์ฮิจญ์เราะฮฺจิตใจ และฮิจญ์เราะฮฺร่างกาย ทรงทำให้การฮิจญ์เราะฮฺทั้งสองประเภทคงอยู่ตลอดกาล เราจำเป็นต้องเจริญรอยตามแนวทางการดำเนินชีวิตของท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งเป็นแบบฉบับอันดีงามของเรา ด้วยการย่างก้าวและเจริญรอยตามแนวทางที่ท่านได้ทิ้งไว้เป็นแบบอย่าง ไม่จะอยู่ในรูปของคำพูด การกระทำ และจรรยามารยาท ดังที่อัลลอฮฺได้สั่งให้บ่าวของพระองค์ปฏิบัติตามด้วยดำรัสที่ว่า «لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِّمَن كَانَ يَرْجُو اللهَ وَالْيَوْمَ الآخِرَ وَذَكَرَ اللهَ كَثِيراً» [الأحزاب:21] “โดยแน่นอน ในตัวศาสนทูตของอัลลอฮฺนั้นมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้า สำหรับผู้ที่หวัง (ในความโปรดปรานของ) อัลลอฮฺและ (การตอบแทนของพระองค์ใน) วันอาคิเราะฮฺ และชอบรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากมาย” (อัล-อะหฺซาบ : 21) ในช่วงต้นของเดือนมุหัรร็อมผู้คนมักจะพูดถึงการฮิจญ์เราะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมอย่างมากมาย ทั้งในคุฏบะฮฺ ในการบรรยาย และในสื่อต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว การพูดคุยของพวกเขาจะหนีไม่พ้นการเล่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน หลังจากนั้นเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นก็จะถูกทอดทิ้งและถูกลืมไปโดยปริยาย โดยไม่มีอิทธิพลใดๆ ต่อจิตใจของผู้คน หรือนำมาเป็นแบบอย่างในด้านการปฏิบัติอามัลและด้านจรรยามารยาท ยิ่งกว่านั้นการปฏิบัติดังกล่าวได้กลายเป็นประเพณีประจำปีที่ถูกกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยปราศจากความเข้าใจในความหมายของฮิจญ์เราะฮฺ และเป้าหมายของมัน !!! - ความหมายของฮิจญ์เราะฮฺ ฮิจญ์เราะฮฺในด้านภาษา หมายถึง การอพยพหรือละทิ้งและแยกตัวออกจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งด้วยร่างกาย คำพูด หรือจิตใจ ส่วนความหมายของฮิจญ์เราะฮฺในด้านศาสนบัญญัติ หมายถึง การอพยพหรือละทิ้งและแยกตัวออกจากเมืองแห่งการปฏิเสธศรัทธา (ดารุลกุฟร์) หรือการละทิ้งและแยกตัวออกจากสิ่งเลวร้าย หรือละทิ้งและแยกตัวออกจากการกระทำที่เลวทรามและความประพฤติต่างๆ ที่น่าตำหนิ - ฮิจญ์เราะฮฺในบัญญัติของนบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม ฮิจญ์เราะฮฺเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางของท่านนบีอิบรอฮีมอะลัยฮิสสลาม ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า «إِنِّي ذَاهِبٌ إِلَى رَبِّي سَيَهْدِينِ» [الصافات:99] "แท้จริง ฉันจะเดินทางไปหาพระผู้อภิบาลของฉัน แล้วพระองค์จะทรงชี้นำทางให้แก่ฉัน” (อัศ-ศอฟฟาต :  99) หมายถึง ฉันจะฮิจญ์เราะฮฺออกจากเมืองแห่งการปฏิเสธศรัทธาสู่เมืองแห่งการศรัทธา ท่านนบีอิบรอฮีมได้เดินทางฮิจญ์เราะฮฺจริงพร้อมกับบุตรหลานของท่านสู่แคว้นชาม(แถบเมืองซีเรียและปาเลสไตน์ในปัจจุบัน) ณ แผ่นดินอันบริสุทธิ์ (อัล-บิลาด อัล-มุก็อดดะสะฮฺ) ที่มีมัสญิด อัล-อักศออยู่ และบุตรหลานท่านอีกส่วนหนึ่งได้เดินทางฮิจญ์เราะฮฺไปยังแคว้นหิญาซฺ(แถบเมืองมักกะฮฺและดินแดนข้างเคียง) ณ แผ่นดินต้องห้าม (อัล-บะลัด อัล-หะรอม) ที่มีกะอฺบะฮฺอยู่ ดังที่มีระบุในคำวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของท่านว่า «رَبَّنَا إِنِّي أَسْكَنتُ مِن ذُرِّيَّتِي بِوَادٍ غَيْرِ ذِي زَرْعٍ عِندَ بَيْتِكَ الْمُحَرَّمِ» [إبراهيم:37] "โอ้พระผู้เป็นเจ้าแห่งเรา แท้จริงข้าพระองค์ได้ให้ลูกหลานของข้าพระองค์พำนักอยู่ ณ ที่ราบลุ่มนี้โดยไม่มีพืชผลใดๆ  ซึ่งอยู่ใกล้บ้านอันเป็นเขตหวงห้ามของพระองค์” (อิบรอฮีม : 37) ฮิจญ์เราะฮฺในบัญญัติของนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ฮิจญ์เราะฮฺยังเป็นบัญญัติหนึ่งของท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งท่านได้สั่งให้บรรดาเศาะหาบะฮฺเดินทางฮิจญ์เราะฮฺไปยังเมืองหะบะชะฮฺ (เอธิโอเปียปัจจุบัน) หลังจากที่พวกเขาถูกกดดันและถูกทำร้ายและทรมานอย่างหนักจากชาวมักกะฮฺผู้ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางฮิจญ์เราะฮฺออกจากมักกะฮฺสู่เมืองหะบะชะฮฺสองครั้งสองคราด้วยกัน เพื่อลี้ภัยพร้อมกับศาสนาของพวกเขา และเหลือเพียงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะสัลลัม ที่ยังคงปักหลักอยู่ที่มักกะฮฺอยู่อย่างไม่ท้อถอยเพื่อเชิญชวนผู้คนสู่อัลลอฮฺ และต้องพบกับการทำร้ายอย่างหนัก ในขณะที่ท่านได้แต่วิงวอนร้องขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านว่า «رَّبِّ أَدْخِلْنِي مُدْخَلَ صِدْقٍ وَأَخْرِجْنِي مُخْرَجَ صِدْقٍ وَاجْعَل لِّي مِن لَّدُنكَ سُلْطَاناً نَّصِيراً» [الإسراء:80] "โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ได้ทรงโปรดนำพาข้าพระองค์เข้าไปตามช่องทางเข้าที่ชอบธรรม และได้ทรงโปรดนำข้าพระองค์ออกไปตามช่องทางที่ชอบธรรม และโปรดให้ข้าพระองค์มีอำนาจที่เข้มแข็งและได้รับชัยชนะ” (อัล-อิสรออ์ : 80) ดังนั้น อัลลอฮฺจึงทรงประทานอนุญาตให้ท่านเดินทางฮิจญ์เราะฮฺไปยังมะดีนะฮฺ และท่านก็ได้อนุญาตให้บรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านฮิจญ์เราะฮฺไปยังที่นั่น ทันทีที่พวกเขาได้รับอนุญาต พวกเขาก็รีบเดินทางฮิจญ์เราะฮฺไปสู่มะดีนะฮฺรวดเร็ว เพื่อลี้ภัยพร้อมกับศาสนาของพวกเขา พวกเขายอมละทิ้งบ้านเรือน และทรัพย์สินของพวกเขาไว้เบื้องหลัง เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ และความพึงพอใจของพระองค์ และเพื่อช่วยเหลือศาสนาของอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺจึงทรงชมเชยและยกย่องพวกเขา และทรงให้สัญญาแก่พวกเขาด้วยการตอบแทนและผลบุญที่ยั่งยืน จนฮิจญ์เราะฮฺกลายเป็นจิตวิญญาณของการญิฮาดที่ถูกกล่าวควบคู่กันในคัมภีร์อัลกุรอาน และบรรดาผู้ฮิจญ์เราะฮฺหรือชาวมุฮาญิรีนก็ได้กลายเป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดในบรรดาเศาะหาบะฮฺ เพราะพวกเขาได้หลบหนีพร้อมกับศาสนาของพวกเขา และยอมสละทิ้งสิ่งที่มีค่าและประเสริฐที่สุดที่พวกเขามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ทรัพย์สิน พวกพ้อง และวงศาคณาญาติ และแลกสิ่งต่างๆเหล่านั้นเพื่ออัลลอฮฺ เพื่อแนวทางของพระองค์ และเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ นับจากวันนั้น ฮิจญ์เราะฮฺก็ได้กลายเป็นบัญญัติที่มั่นคงจวบจนถึงกาลอวสาน มีระบุในหะดีษว่า «لاَ تَنْقَطِعُ الْهِجْرَةُ حَتَّى تَنْقَطِعَ التَّوْبَةُ، وَلاَ تَنْقَطِعُ التَّوْبَةُ حَتَّى تَخْرُجَ الشَّمْسُ مِنْ مَغْرِبِهَا» "ฮิจญ์เราะฮฺจะไม่มีวันเลิกหรือหยุดชะงัก จนกว่าจะมีการหยุดชะงักของเตาบะฮฺ และการเตาบะฮฺจะไม่มีวันหยุดชะงักจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก” ดังนั้น ทุกๆคนที่ไม่สามารถเชิดชู(ดำเนินชีวิตตาม)ศาสนาอิสลามของเขาในเมืองใดก็ตาม เขาจำเป็นต้องฮิจญ์เราะฮฺและย้ายออกจากเมืองนั้นสู่เมืองที่สามารถเชิดชูศาสนาของเขาได้ - อัลลอฮฺจะทรงคาดโทษต่อผู้ที่ไม่ยอมฮิจญ์เราะฮฺ อัลลอฮฺทรงสัญญาจะคาดโทษต่อผู้ที่มีความสามารถที่จะฮิจญ์เราะฮฺแต่ไม่ยอมฮิจญ์เราะฮฺ พระองค์ตรัสว่า «إِنَّ الَّذِينَ تَوَفَّاهُمُ الْمَلآئِكَةُ ظَالِمِي أَنْفُسِهِمْ قَالُواْ فِيمَ كُنتُمْ قَالُواْ كُنَّا مُسْتَضْعَفِينَ فِي الأَرْضِ قَالْوَاْ أَلَمْ تَكُنْ أَرْضُ اللّهِ وَاسِعَةً فَتُهَاجِرُواْ فِيهَا فَأُوْلَـئِكَ مَأْوَاهُمْ جَهَنَّمُ وَسَاءتْ مَصِيراً. إِلاَّ الْمُسْتَضْعَفِينَ مِنَ الرِّجَالِ وَالنِّسَاء وَالْوِلْدَانِ لاَ يَسْتَطِيعُونَ حِيلَةً وَلاَ يَهْتَدُونَ سَبِيلاً. فَأُوْلَـئِكَ عَسَى اللّهُ أَن يَعْفُوَ عَنْهُمْ وَكَانَ اللّهُ عَفُوّاً غَفُوراً» [النساء:97-99] ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้ที่มลาอิกะฮฺได้เอาชีวิตของพวกเขาไป ในสภาพที่พวกเขาเป็นผู้อธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง(คือไม่ยอมฮิจญ์เราะฮฺ) มลาอิกะฮฺจะกล่าว (แก่พวกเขา) ว่า พวกเจ้าอยู่เยี่ยงใด? พวกเขากล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน มลาอิกะฮฺกล่าวว่า แผ่นดินของอัลลอฮฺออกกว้างขวางสำหรับให้พวกเจ้าอพยพไปอยู่ในส่วนนั้นมิใช่ดอกหรือ? ดังนั้น ที่พำนักของชนเหล่านี้คือนรกญะฮันนัมและมันเป็นการกลับคืนอันเลวร้ายยิ่ง นอกจากบรรดาชาย หญิง และเด็กๆ ที่อ่อนแอจริงๆ และไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ทั้งยังไม่พบกับทางออกใดๆ  ดังนั้นจึงหวังว่าอัลลอฮฺจะทรงประทานอภัยให้แก่ชนเหล่านี้ และอัลลอฮฺเป็นทรงยกโทษเสมอ” (อัน-นิสาอ์ : 97-99) นี่คือสัญญาคาดโทษที่ร้ายแรงยิ่งสำหรับผู้ที่ละทิ้งการฮิจญ์เราะฮฺโดยปราศจากเหตุจำเป็นใดๆ ดังนั้นผู้ใดไม่สามรถเชิดชูศาสนาของเขาในเมืองใดๆก็ตาม เขาจำเป็นต้องฮิจญ์เราะฮฺออกจากเมืองนั้นสู่เมืองที่สามารถเชิดชูศาสนาของเขา เพราะแผ่นดินของอัลลอฮฺนั้นกว้างขวาง ย่อมต้องมีเมืองที่ดีสักแห่งอย่างแน่นอน อัลลอฮฺตรัสว่า «وَمَن يُهَاجِرْ فِي سَبِيلِ اللّهِ يَجِدْ فِي الأَرْضِ مُرَاغَماً كَثِيراً وَسَعَةً» [النساء:100] "และผู้ใดที่อพยพไปในทางของอัลลอฮฺ เขาก็จะพบว่าในผืนแผ่นดิน(ของอัลลอฮฺ) นั้นจะมีที่พำนักและลี้ภัยอย่างมากมายและมีสถานที่หาเลี้ยงชีพที่ล้นเหลือ” (อัน-นิสาอ์ : 100) หมายความว่า เขาจะพบกับสถานที่ที่สามารถปกป้องเขาจากการปองร้ายของผู้อื่นได้ และมีสถานที่หาเลี้ยงชีพที่ล้นเหลือ และอัลลอฮฺจะทรงทดแทนในทรัพย์สินที่เขายอมสละทิ้งมันไว้ยังเมืองของเขา ดังดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า «وَالَّذِينَ هَاجَرُواْ فِي اللّهِ مِن بَعْدِ مَا ظُلِمُواْ لَنُبَوِّئَنَّهُمْ فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَلأَجْرُ الآخِرَةِ أَكْبَرُ لَوْ كَانُواْ يَعْلَمُونَ. الَّذِينَ صَبَرُواْ وَعَلَى رَبِّهِمْ يَتَوَكَّلُونَ» [النحل:42-41] "และบรรดาผู้ที่ฮิจญ์เราะฮฺเพื่ออัลลอฮฺหลังจากที่พวกเขาถูกข่มเหงรังแก แน่นอนเราจะให้ที่พำนักที่ดีแก่เขาในโลกนี้ และรางวัลในวันอาคิเราะฮฺนั้นย่อมยิ่งใหญ่กว่า หากว่าพวกเขารู้ นั่นคือบรรดาผู้ที่อดทน และต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาเท่านั้นที่พวกเขาได้มอบความไว้วางใจ” (อัน-นะหฺลุ : 41-42) -  ฮิจญ์เราะฮฺประเภทต่างๆ 1. ฮิจญ์เราะฮฺจากบาปต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของ การปฏิเสธศรัทธา การตั้งภาคีเสมอพระองค์อัลลอฮฺ การกลับกลอก(นิฟาก) การกระทำที่เลวทราม และความประพฤติที่น่ารังเกียจและน่าตำหนิทั้งหลาย อัลลอฮฺได้ตรัสแก่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า ((وَالرُّجْزَ فَاهْجُرْ)) [المدثر:5] “และเจ้าจงหลีกห่างจากสิ่งโสโครกเสีย” (อัล-มุดดัษษิร : 5) สิ่งโสโครกในที่นี้ หมายถึง บรรดาเจว็ดทั้งหลาย และการฮิจญ์เราะฮฺจากมัน กระทำได้ด้วยการสลัดมันทิ้งเสีย และปฏิเสธ (ไม่ยอมรับ) มันและพรรคพวกของมัน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า «الْمُسْلِمُ مَنْ سَلِمَ الْمُسْلِمُوْنَ مِنْ لِسَانِهِ وَيَدِهِ، وَالْمُهَاجِرُ مَنْ هَجَرَ مَا نَهَى اللهُ عَنْهُ» "มุสลิมคือผู้ที่บรรดาชาวมุสลิมปลอดภัยจากลิ้นและมือของเขา และมุฮาญิร(ผู้ฮิจญ์เราะฮฺ)คือผู้ที่ฮิจญ์เราะฮฺจากสิ่งอัลลอฮฺทรงห้ามไว้” หมายความว่า  ต้องละทิ้งสิ่งต่างๆที่อัลลอฮฺทรงห้าม ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ จรรยามารยาท คำพูด การกิน การดื่มที่ต้องห้าม การมอง และสดับฟังสิ่งที่ต้องห้าม ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จำเป็นต้องฮิจญ์เราะฮฺและหลีกห่างจากมันทั้งสิ้น 2. ฮิจญ์เราะฮฺจากการคบค้ากับบรรดาผู้ฝ่าฝืน บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(กุฟฟาร) ผู้ตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ (มุชริกูน) ผู้ที่กลับกลอก(มุนาฟิกูน) และผู้ที่ชอบกระทำความชั่ว(ฟาสิกูน) ด้วยการหลีกห่างจากและไม่คบหาสมาคมกับพวกเขาเหล่านั้น อัลลอฮฺได้ตรัสว่า «وَاصْبِرْ عَلَى مَا يَقُولُونَ وَاهْجُرْهُمْ هَجْراً جَمِيلاً» [ المزمل:10] “และเจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาพูดจา(ถากถางและกล่าวหาใส่ร้ายเจ้า) และจงฮิจญ์เราะฮฺ(หลีกห่าง) จากพวกเขาด้วยวิธีการฮิจญ์เราะฮฺที่สวยงาม” (อัล-มุซซัมมิล : 10) 3. และฮิจญ์เราะฮฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ประเภทหนึ่งคือ การฮิจญ์เราะฮฺของจิตใจมุ่งสู่อัลลอฮฺ ด้วยการบริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ) ในการเคารพภักดีต่อพระองค์ ทั้งในยามที่ลับตาคนและที่โจ่งแจ้ง จนกระทั่งเขาไม่นึกคิดต่อคำพูดและการกระทำของเขา นอกจากเพื่อน้อมคารวะต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์เท่านั้น และเขาจะไม่รักชอบผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรักใคร่และพึงพอใจ เช่นเดียวกับการฮิจญ์เราะฮฺสู่ท่านรสูลุลลอฮฺ ด้วยการยึดปฏิบัติตามแนวทาง (สุนนะฮฺ) การดำเนินชีวิตของท่าน และเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านมากกว่าผู้ใดทั้งสิ้น พร้อมกับปฏิบัติตามคำสอนต่างๆ - คำส่งท้าย เพราะฉะนั้น การพูดคุยเกี่ยวกับการฮิจญ์เราะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะสัลลัม ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงการเล่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น หรือจัดขึ้นเนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองและพิธีกรรมต่างๆ เสร็จแล้วก็ถูกลืมไป โดยปราศจากอิทธิพลใดๆ ที่สะกิดใจของผู้ฟัง หรือมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของบุคลิกภาพและจรรยามารยาท เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วบรรดาผู้ที่พูดคุยเกี่ยวกับการฮิจญ์เราะฮฺเนื่องในโอกาสวันปีใหม่มักจะไม่เข้าใจถึงความหมายของการฮิจญ์เราะฮฺ และไม่ได้ปฏิบัติตามบทเรียนที่ได้รับมาเลย หนำซ้ำเราพบว่า การดำเนินชีวิตของเขา และการงานของเขากลับค้านกับสิ่งที่เขาได้พูดออกมาอย่างสิ้นเชิง จนกลายเป็นว่าการพูดคุยเกี่ยวกับการฮิจญ์เราะฮฺเป็นเพียงคำพูดที่ออกจากปาก หรือน้ำหมึกที่จรดแต้มลงบนกระดาษเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น !!!  วัลลอฮุอะอฺลัม