البحث

عبارات مقترحة:

الله

أسماء الله الحسنى وصفاته أصل الإيمان، وهي نوع من أنواع التوحيد...

السبوح

كلمة (سُبُّوح) في اللغة صيغة مبالغة على وزن (فُعُّول) من التسبيح،...

الظاهر

هو اسمُ فاعل من (الظهور)، وهو اسمٌ ذاتي من أسماء الربِّ تبارك...

การเพิ่มพูนของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ

التايلاندية - ไทย / Phasa Thai

المؤلف มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัต-ตุวัยญิรีย์ ، อิบบรอเฮง อาลฮูเซน
القسم مقالات
النوع نصي
اللغة التايلاندية - ไทย / Phasa Thai
المفردات العقيدة
อธิบายวิธีการเพิ่มพูนอีมานและการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ พร้อมหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ จากหนังสือมุคตะศ็อร อัล-ฟิกฮิล อิสลามีย์ ของท่านเชค มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัต-ตุวัยญิรีย

التفاصيل

การเพิ่มพูนของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺزيادة الإيمان بالله عز وجلมุหัมมัด บิน อิบรอฮีม บิน อับดุลลอฮฺ อัต-ตุวัยญิรีย์محمد بن إبراهيم بن عبدالله التويجريจากหนังสือ: มุคตะศ็อร อัล-ฟิกฮฺ อัล-อิสลามีย์المصدر: كتاب مختصر الفقه الإسلاميการเพิ่มพูนการศรัทธาต่ออัลลอฮฺรากฐานของศาสนา คือ อีมานหรือการศรัทธาอย่างแน่วแน่ที่มีต่ออัลลอฮฺ และต่อพระนามและคุณสมบัติของอัลลอฮฺ การกระทำและคลังของพระองค์ สัญญาที่ดีและร้ายต่างๆของพระองค์ การงานและอิบาดะฮฺทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิ่งต่างๆเหล่านี้ การงานและอิบาดะฮฺเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกตอบรับหรือไม่ก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานสิ่งต่างๆเหล่านี้อีกเช่นกัน เมื่อใดที่อีมานหรือการศรัทธามีความอ่อนแอและลดลง การงานและอิบาดะฮฺเหล่านี้ก็จะพลอยตกอยู่ในภาวะที่เลวร้ายตามไปด้วยเช่นกันการที่อีมานและการศรัทธาจะเพิ่มพูนขึ้นมาในชีวิตของเราก็ด้วยความรู้ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานเหล่านี้หนึ่ง : เรารู้และศรัทธามั่นว่า พระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างคืออัลลอฮฺ ทั้งที่เป็นสิ่งที่มองเห็นหรือไม่มองเห็น สิ่งที่เล็กหรือมีขนาดใหญ่ ดังนั้น ผู้สร้างฟากฟ้าคืออัลลอฮฺ ผู้สร้างแผ่นดินคืออัลลอฮฺ ผู้สร้างบัลลังค์คืออัลลอฮฺ ผู้สร้างดวงดาวและดวงจันทร์คืออัลลอฮฺ ผู้สร้างมหาสมุทรและภูผาคืออัลลอฮฺ ผู้สร้างขุมนรกคืออัลลอฮฺ อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่าاللَّهُ خَالِقُ كُلِّ شَيْءٍ ۖ وَهُوَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ وَكِيلٌความว่า : “อัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงดูแลคุ้มครองทุกสิ่ง” (อัซซุมัรฺ : 62 )เราจะพูดจะสนทนา เราจะฟังและคิดใคร่ครวญในสิ่งนี้ เราจะไตร่ตรองในสัญลักษณ์ต่างๆที่มีอยู่ในจักรวาลและเราจะไตร่ตรองอายะฮฺอัลกุรอานด้วยความคิดใคร่ครวญจนกว่าอีมานและการศรัทธาเพิ่มพูนในจิตใจของเรา และอัลลอฮฺก็ได้สั่งเราให้กระทำเช่นนี้ 1. อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่า قُلِ انظُرُوا مَاذَا فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ ۚ وَمَا تُغْنِي الْآيَاتُ وَالنُّذُرُ عَن قَوْمٍ لَّا يُؤْمِنُونَความว่า : “จงกล่าวเถิด (มูหัมมัด) พวกท่านจงดูว่า มีอะไรในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสัญญานทั้งหลายและการตักเตือนทั้งหลายจะไม่อำนวยผลแก่กลุ่มชนที่ไม่ศรัทธา” ( ยูนุส : 101 ) 2. และอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสอีกว่าأَفَلَا يَتَدَبَّرُونَ الْقُرْآنَ أَمْ عَلَىٰ قُلُوبٍ أَقْفَالُهَاความว่า : “พวกเขามิได้พิจารณาใคร่ครวญอัลกุรอานดอกหรือ แต่ว่าบนหัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่” ( มูหัมมัด : 24 )3. และอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสอีกว่าوَإِذَا مَا أُنزِلَتْ سُورَةٌ فَمِنْهُم مَّن يَقُولُ أَيُّكُمْ زَادَتْهُ هَٰذِهِ إِيمَانًا ۚ فَأَمَّا الَّذِينَ آمَنُوا فَزَادَتْهُمْ إِيمَانًا وَهُمْ يَسْتَبْشِرُونَความว่า : “และเมื่อมีบทหนึ่งบทใดของอัลกุรอานถูกระทานลงมา ดังนั้น ในหมู่พวกเขามีผู้กล่าวขึ้นว่า มีใครบ้างในพวกท่าน ที่บทนี้ทำให้ความศรัทธาเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่มีความศรัทธานั้นบทนี้ได้ทำให้การศรัทธาเพิ่มขึ้นแพวกเขา แล้วพวกเขาก็มีความปิติยินดี”   ( อัตเตาบะห์ : 124 )สอง : เรารู้และศรัทธาอย่างมั่นใจว่า อัลลอฮฺได้สร้างสรรค์ทุกสิ่งทุกอย่างและพระองค์ได้สร้างสรรค์ผลที่เกิดมาจากสิ่งถูกสร้างนั้นขึ้นมา ดังนั้นพระองค์ได้สร้างดวงตาและพระองค์ได้สร้างผลจากดวงตานั้น นั่นก็คือ การมองเห็น พระองค์ได้สร้างหูและพระองค์ได้สร้างผลของมันขึ้นมา นั่นก็คือ การได้ยิน พระองค์ได้สร้างลิ้นและพระองค์ได้สร้างผลของมันคือ การพูด พระองค์ได้สร้างดวงอาทิตย์และพระองค์ได้สร้างผลของมันขึ้นนั่นก็คือแสงสว่าง พระองค์ได้สร้างไฟและพระองค์ผลของมันคือการเผาไหม้ พระองค์ได้สร้างต้นไม้และพระองค์ได้สร้างผลของมันคือผล   เช่นดังกล่าวนี้เป็นต้นสาม : เรารู้และศรัทธามั่นว่า ผู้ที่ครอบครอง ผู้จัดการดูแลสิ่งต่างๆทุกอย่างในสากลจักรวาล คือ อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา แต่เพียงผู้เดียวไม่มีผู้ใดร่วมภาคีกับพระองค์ สิ่งต่างๆที่อยู่ภายในชั้นฟ้าและแผ่นดินแม้จะใหญ่โตมโหฬารหรือว่าเล็กซักเพียงใดก็ตาม ทุกอย่างทั้งหมดเหล่านั้นล้วนเป็นบ่าวของอัลลอฮฺและต้องพึ่งพาพระองค์ สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่สามารถที่จะให้คุณ ให้โทษหรือให้การช่วยเหลือใดๆแก่ตัวของเขาเอง และสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ไม่ได้ครอบครองความตาย  การมีชีวิตอยู่และการแพร่พันธุ์ขยายในผืนแผ่นดิน อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ต่างหากที่ครอบครองตัวของพวกเขา หากแต่ว่าพวกเขาเหล่านั้นที่ต้องพึ่งพาพระองค์ พระองค์ผู้มั่งคั่งไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องพึ่งพาพวกเขาเหล่านั้นอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา บริหารจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาล พระองค์คือผู้ที่บริหารจัดการทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ผู้บริหารจัดการในแม่น้ำและมหาสมุทร ผู้บริหารจัดการในเรื่องไฟและสายลม ผู้บริหารจัดการชีวิตและพืชไม้ต่างๆ ผู้บริหารจัดการเกี่ยวกับดวงดาวและของแข็งต่างๆ ผู้บริหารจัดการเกี่ยวกับผู้นำและการปกครองต่างๆ ผู้จัดการเกี่ยวกับคนรวยและจน ผู้จัดการเกี่ยวกับคนที่แข็งแรงและคนที่อ่อนแอ และผู้บริหารจัดการสิ่งต่างๆทั้งหมดคืออัลลอฮฺผู้เดียวไม่มีผู้อื่นใดบริหารจัดการร่วมกับพระองค์อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา บริหารจัดการด้วยเดชานุภาพ ปรีชาญานและความรอบรู้ของพระองค์ตามที่พระองค์ต้องการ ในบางครั้งพระองค์ได้สร้างบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาแต่พระองค์ได้ยึดผลประโยชน์จากสิ่งนั้นคืนด้วยเดชานุภาพของพระองค์ บางครั้งเราจะพบว่าดวงตาไม่สามารถมองเห็นได้ หูไม่สามารถได้ยิน มีลิ้นไม่สามารถพูดได้ ทะเลที่ไม่สามารถจมลงไปข้างใน  ไฟที่ลุกโชนไม่สามารถให้ความร้อนได้ อัลลอฮฺได้ทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นมาแล้ว เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในการบริหารจัดการสิ่งต่างๆเหล่านี้ตามความประสงค์ของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวผู้มีความสามารถในการบริหารจัดการเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง และพระองค์ผู้มีพลานุภาพเหนือทุกสิ่งจิตใจของบางคนผูกพันกับสิ่งหนึ่งมากกว่าการผูกพันกับผู้สร้างสิ่งนั้น การผูกพันกับสิ่งดังกล่าวทำให้จิตใจลืมจากอัลลอฮฺผู้สร้างสิ่งนั้น จำเป็นที่เราจะต้องผูกโยงความรู้และความเป็นจริงในสิ่งดังกล่าวกับผู้สร้างที่ประดิษฐ์และออกแบบสิ่งนี้ขึ้นมา ดังนั้นเราจึงต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺผู้สร้างสิ่งเหล่านี้แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่มีการตั้งภาคีสิ่งอื่นใดรวมกับพระองค์อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่า قُلْ مَن يَرْزُقُكُم مِّنَ السَّمَاءِ وَالْأَرْضِ أَمَّن يَمْلِكُ السَّمْعَ وَالْأَبْصَارَ وَمَن يُخْرِجُ الْحَيَّ مِنَ الْمَيِّتِ وَيُخْرِجُ الْمَيِّتَ مِنَ الْحَيِّ وَمَن يُدَبِّرُ الْأَمْرَ ۚ فَسَيَقُولُونَ اللَّهُ ۚ فَقُلْ أَفَلَا تَتَّقُونَ فَذَٰلِكُمُ اللَّهُ رَبُّكُمُ الْحَقُّ ۖ فَمَاذَا بَعْدَ الْحَقِّ إِلَّا الضَّلَالُ ۖ فَأَنَّىٰ تُصْرَفُونَความว่า : “จงกล่าวเถิด(มูหัมมัด) ใครเป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพที่มาจากฟากฟ้าและแผ่นดินแก่พวกท่าน หรือใครเป็นเจ้าของการได้ยินและการมอง และใครเป็นผู้ให้ชีวิตหลังจากการตายและเป็นผู้ให้ตายหลังจากมีชีวิตมา และใครเป็นผู้บริหารกิจการ แล้วพวกเขาจะกล่าวกันว่า อัลลอฮฺ ดังนั้นจงกล่าวเถิด(มูหัมมัด) พวกท่านไม่ยำเกรงหรือ   นั่นแหละอัลลอฮฺ พระเจ้าที่แท้จริงของพวกท่าน ฉะนั้นหลังจากความจริงแล้วจะมีอะไรอีกเล่านอกจากความหลงผิดเท่านั้น แล้วทำไมเล่าพวกท่านจึงถูกให้หันเหออกไปอีก” ( ยูนุส : 31-32 )สี่ : เรารู้และศรัทธาว่า คลังของทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ ณ อัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียวไม่มีที่ผู้อื่นใด  คลังของสิ่งที่มีอยู่ทุกอย่างในสากลจักรวาลมีอยู่ ณ พระองค์ คลังของอาหารเครื่องดื่ม คลังของแป้งและพืชผล คลังของน้ำและลม คลังของทรัพย์สินเงินทองและมหาสมุทร คลังของภูเขาเลากาและอื่นๆทั้งหมดทั้งปวงมีอยู่ ณ อัลลอฮฺ  ดังนั้นเมื่อเราต้องการสิ่งใดเราก็ต้องขอจากพระองค์ และเราต้องหมั่นปฏิบัติอิบาดะห์และเคารพภักดีอัลลอฮฺ พระองค์ สุบหานาฮุ วะตะอาลา เป็นผู้ให้ในทุกความประสงค์ พระองค์เป็นผู้รับคำขอ พระองค์เป็นผู้รับผิดชอบที่ดีเลิศที่สุด และพระองค์เป็นผู้ให้ที่ดีเลิศที่สุด ไม่มีผู้ใดสามารถห้ามเมื่อพระองค์ทรงต้องการที่จะให้ และจะไม่มีผู้ใดสามารถให้สิ่งใดได้เมื่อพระองค์ไม่ทรงประสงค์1. อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่าوَإِن مِّن شَيْءٍ إِلَّا عِندَنَا خَزَائِنُهُ وَمَا نُنَزِّلُهُ إِلَّا بِقَدَرٍ مَّعْلُومٍความว่า : “และไม่มีสิ่งใด(เครื่องยังชีพ) เว้นแต่ที่เรานั้นมีคลังของมัน และเราจะไม่ให้มันลงมานอกจากตามสภาวะที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว” ( อัลหิจญ์รฺ : 21)2. และอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสอีกว่า  وَلِلَّهِ خَزَائِنُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَلَٰكِنَّ الْمُنَافِقِينَ لَا يَفْقَهُونَความว่า : “แต่ว่าพวกเขาจะไม่มุ่งหวังมันเป็นอันขาดเนื่องด้วยสิ่งที่มือของพวกเขาได้ประกอบ(กรรมชั่ว) ไว้ก่อน และอัลลอฮฺทรงรอบรู้พวกอธรรมทั้งหลาย” ( อัลมุนาฟิกูน:7)เดชานุภาพของอัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลาอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา มีเดชานุภาพที่ไร้ซึ่งขอบเขตและมีเดชานุภาพที่ไม่ต้องพึ่งพาใครอื่นใด 1. อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ในบางครั้งได้ประทานริซกีและปัจจัยยังชีพต่างๆด้วยปัจจัยและเหตุผล ดังเช่นพระองค์ได้ให้น้ำเป็นสาเหตุของการเติบโตของพืชไม้ต่างๆ และการมีสัมพันธ์ทางเพศเป็นสาเหตุของการมีลูก เราทั้งหลายอยู่โลกแห่งเหตุและผล เราทุกหลายต้องยึดเหตุผลที่ถูกต้องกับหลักการแห่งศาสนา และเราจะไม่ให้ความไว้วางใจแก่ใครอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่พียงผู้เดียวเท่านั้น2. อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ในบางครั้งได้ประทานริซกีและปัจจัยยังชีพต่างๆโดยที่ไม่มีปัจจัยและเหตุผลใดๆเลย พระองค์สามารถที่จะกล่าวสิ่งใดแล้วสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นมาทันที พระองค์ได้เคยให้ผลไม้แก่มัรยัม(มารดาของศาสนทูตอีซาหรือเยซู)โดยที่ไม่มีต้น และได้ให้ลูกแก่นางโดยปราศจากผู้ชาย3. อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ในบางครั้งได้ทรงใช้เดชานุภาพของพระองค์ที่ตรงกันข้ามกับเหตุแห่งผล ดังเช่นที่พระองค์ได้ทรงทำให้ไฟที่ร้อนแผดเผาให้กลับกลายเป็นเย็นและปลอดภัยให้แก่ นบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลามได้ ดังเช่นพระองค์ได้ให้ความปลอดภัยแก่นบีมูซา อะลัยฮิสลามและให้ฟิรฺอาวน์และพรรคพวกของฟิรอาวน์จมลงในทะเลแดง และดังเช่นที่พระองค์ได้ช่วยเหลือนบียูนุสให้รอดปลอดภัยออกมาจากความมืดในท้องของปลาวาฬที่อยู่ในท้องของมหาสมุทร อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่าإِنَّمَا أَمْرُهُ إِذَا أَرَادَ شَيْئًا أَن يَقُولَ لَهُ كُن فَيَكُونُความว่า :  “แท้จริงพระบัญชาของอัลลอฮฺ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า จงเป็น แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา” (ยาสีน : 82 ) ที่กล่าวมานั้นคือที่เกี่ยวข้องกับปวงบ่าวของอัลลอฮฺ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับกับสภาวการณ์ต่างๆ นั้น เราศรัทธาตามข้อต่างๆ เหล่านี้1. เรารู้และศรัทธาว่า ผู้สร้างสภาวการณ์ต่างๆคือ อัลลอฮฺผู้เดียวเท่านั้น ความร่ำรวยและความยากจนข้นแค้น การมีสุขภาพอนามัยที่ดีและอาการป่วยมีโรคภัยไข้เจ็บ ความสุขสำราญและความโศกเศร้า การหัวเราะและการร้องไห้ ความประเสริฐมียศถาบรรดาศักดิ์และความต่ำต้อยไร้ซึ่งเกียรติ การมีชีวิตและหมดลมหายใจ ความสงบสุขและความกลัว ความหนาวเหน็บและความร้อน การอยู่บนแนวทางที่ถูกต้องและแนวทางที่หลงผิด ความสุขสบายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความหายนะล่มจม ทั้งหมดเหล่านี้และสภาวการณ์อื่นๆ อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ผู้เดียวที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมา2. เรารู้และศรัทธาว่า ผู้ที่คอยบริหารและกำกับดูแลสภาวการณ์ต่างๆเหล่านี้คืออัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว สภาพความยากจนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นความร่ำรวยนอกจากจะได้รับการอนุมัติจากอัลลอฮฺ สภาพอาการป่วยล้มหมอนจะไม่ฟื้นขึ้นมาเป็นผู้ที่มีพลานามัยที่ดีนอกจากด้วยการอนุมัติจากอัลลอฮฺ สภาพความต่ำต้อยจะไม่เปลี่ยนไปสู่ความประเสริฐและมีอำนาจนอกจากด้วยการอนุมัติจากอัลลอฮฺ สภาพอาการร้องไห้เปลี่ยนไปเป็นหัวเราะนอกจากจะด้วยการอนุมัติจากอัลลอฮฺ ผู้ที่มีชีวิตอยู่จะไม่สิ้นลมปราณนอกจากจะด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ สภาพอากาศที่หนาวเหน็บจะไม่เปลี่ยนไปเป็นอากาศที่ร้อนอบอ้าวนอกจากด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ การหลงทางจะไม่เปลี่ยนแปลงไปสู่แนวทางที่ถูกต้องนอกจากจะด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ และสภาวการณ์ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันนี้สภาวการณ์ต่างๆจะเกิดขึ้นก็ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ สภาวการณ์จะมีเพิ่มก็ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ สภาวการณ์จะมีลดก็ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ  สภาวการณ์จะคงมีต่อไปก็ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ และสภาวการณ์เหล่านี้จะหยุดลงก็ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺด้วยเช่นกัน เราทุกคนจำเป็นที่จะต้องขอการเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์ต่างๆจากผู้ที่ทรงอำนาจและดูแลสิ่งเหล่านี้ด้วยการเข้าใกล้กับพระองค์ผู้เดียวตามที่พระองค์ได้วางหลักการเอาไว้ในศาสนาของพระองค์قُلِ اللَّهُمَّ مَالِكَ الْمُلْكِ تُؤْتِي الْمُلْكَ مَن تَشَاءُ وَتَنزِعُ الْمُلْكَ مِمَّن تَشَاءُ وَتُعِزُّ مَن تَشَاءُ وَتُذِلُّ مَن تَشَاءُ ۖ بِيَدِكَ الْخَيْرُ ۖ إِنَّكَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌความว่า : “จงกล่าวเถิด(มูหัมมัด) ว่าข้าแต่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิสิทธิ์แห่งอำนาจทั้งปวง พระองค์นั้นจะทรงประทานอำนาจแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงถอดถอนอำนาจจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงให้เกียรติแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงยังความต่ำต้อยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ความดีทั้งหลายนั้นอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกสิ่งทุกอย่าง” ( อาละ อิมรอน : 26 )3. เรารู้และศรัทธาอย่างมั่นใจว่า คลังที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดและที่ยังไม่ได้กล่าว มีอยู่ ณ อัลลอฮฺ แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่มีภาคีใดๆสำหรับอัลลอฮฺ หากว่าอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ประทานสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ ความร่ำรวย และอื่นๆแก่มวลมนุษย์ทั้งหมดก็ไม่ลดหย่อนสิ่งที่มีอยู่ ณ คลังอัลลอฮฺ หากเป็นเสมือนเข็มด้ายที่จุ่มลงไปในมหาสมุทรเพียงเท่านั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่นอกเหนือจากพระองค์ผู้เป็นมหาเศรษฐีและผู้ได้รับการสรรเสริญจากอะบีซัรฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ   จากท่านบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม  ซึ่งท่านได้รายงานจากอัลลอฮฺ  สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้กล่าวว่า «يَا عِبَادِي ! إنِّي حَرَّمْتُ الظُّلْـمَ عَلَى نَفْسِي وَجَعَلْتُـهُ بَيْنَكُمْ مُـحَرَّمًا، فَلا تَظَالَـمُوا.يَا عِبَادِي ! كُلُّكُمْ ضَالٌّ إلا مَنْ هَدَيْتُـهُ، فَاسْتَـهْدُونِي أهْدِكُمْ.يَا عِبَادِي ! كُلُّكُمْ جَائِعٌ إلا مَنْ أطْعَمْتُـهُ، فَاسْتَطْعِمُونِي أُطْعِمْكُمْ.يَا عِبَادِي ! كُلُّكُمْ عَارٍ إلا مَنْ كَسَوْتُـهُ، فَاسْتَـكْسُونِي أكْسُكُمْ.يَا عِبَادِي ! إنَّكُمْ تُـخْطِئُونَ بِاللَّيْلِ وَالنَّهَارِ، وَأنَا أغْفِرُ الذُّنُوبَ جَـمِيعًا، فَاسْتَغْفِرُونِي أغْفِرْ لَكُمْ.يَا عِبَادِي ! إنَّكُمْ لَنْ تبْلُغُوا ضَرِّي فَتَضُرُّونِي، وَلَنْ تَبْلُغُوا نَفْعِي فَتَنْفَعُونِي.يَا عِبَادِي ! لَوْ أنَّ أوَّلَكُمْ وَآخِرَكُمْ، وَإنْسَكُمْ وَجِنَّكُمْ كَانُوا عَلَى أتْقَى قَلْبِ رَجُلٍ وَاحِدٍ مِنْكُمْ، مَا زَادَ ذَلِكَ فِي مُلْكِي شَيْئًا.يَا عِبَادِي ! لَوْ أنَّ أوَّلَكُمْ وَآخِرَكُمْ، وَإنْسَكُمْ وَجِنَّكُمْ، كَانُوا عَلَى أفْجَرِ قَلْبِ رَجُلٍ وَاحِدٍ، مَا نَقَصَ ذَلِكَ مِنْ مُلْكِي شَيْئًا.يَا عِبَادِي ! لَوْ أنَّ أوَّلَكُمْ وَآخِرَكُمْ، وَإنْسَكُمْ وَجِنَّكُمْ قَامُوا فِي صَعِيدٍ وَاحِدٍ فَسَألُونِي، فَأعْطَيْتُ كُلَّ إنْسَانٍ مَسْألَتَـهُ، مَا نَقَصَ ذَلِكَ مِـمَّا عِنْدِي إلا كَمَا يَنْقُصُ المِـخْيَطُ إذَا أُدْخِلَ البَـحْرَ.يَا عِبَادِي ! إنَّمَا هِيَ أعْمَالُكُمْ أحْصِيهَا لَكُمْ ثُمَّ أوَفِّيكُمْ إيَّاهَا، فَمَنْ وَجَدَ خَيْرًا فَلْيَـحْـمَدِ اللهَ، وَمَنْ وَجَدَ غَيْرَ ذَلِكَ فَلا يَلُومَنَّ إلا نَفْسَهُ». أخرجه مسلم برقم (2577).ความว่า : “ โอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย ที่จริงเราได้ห้ามเราเองในสิ่งอธรรมทั้งหลายในตัวเราเอง และเราได้ทำให้สิ่งนี้เป็นสิ่งต้องห้ามระหว่างพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าได้สร้างความอธรรมให้เกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้า         โอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  พวกเจ้าทั้งหลายอยู่ในความหลงทางนอกจากผู้ที่ข้าได้ชี้ทางนำให้ ดังนั้นจงขอทางนำแก่ข้า ข้าจะชี้ทางนำให้พวกเจ้า         โอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  พวกเจ้าทั้งหลายเป็นผู้ที่หิวกระหายนอกจากผู้ที่ข้าให้ความอิ่มเอมแก่พวกเขา ดังนั้นจงขออาหารเครื่องดื่มแก่ข้า ข้าจะให้อาหารเครื่องดื่มแก่พวกเจ้า         โอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  พวกเจ้าทั้งหลายเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งเครื่องแต่งกายใดๆ นอกจากผู้ที่ข้าได้ให้เขาได้แต่งกาย ดังนั้นจงขอเครื่องนุ่มห่มจากข้า แล้วข้าจะประทานเครื่องนุ่มห่มให้เขาโอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  พวกเจ้าทั้งหลายมีความผิดติดตัวทั้งในกลางวันและกลางคืน และข้าเป็นผู้ที่ให้อภัยในความผิดทุกอย่าง ดังนั้นจงขออภัยโทษจากฉันแล้วฉันจะอภัยโทษให้เข้าโอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  แท้จริงพวกเจ้าไม่สามารถเอื้อมถึงความให้โทษของข้าได้ จนพวกเจ้าสามารถให้โทษแก่ข้าได้ และพวกเจ้าก็ไม่สามารถเอื้อมถึงการให้คุณของข้าได้ จนพวกเจ้าสามารถให้คุณแก่ข้าได้         โอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  หากว่าจากคนแรกจนถึงคนสุดท้ายจากพวกเจ้า จากมนุษย์และญิน ได้รวมตัวกันในจิตใจของผู้หนึ่งที่มีความยำเกรงมากที่สุดในหมู่พวกเจ้า ก็ไม่สามารถเพิ่มสมรรถภาพการปกครองของข้าแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม          โอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  หากว่าคนแรกจนถึงคนสุดท้ายจากพวกเจ้า จากมนุษย์และญิน ได้รวมตัวกันในจิตใจของผู้หนึ่งที่มีความชั่วมากที่สุดในหมู่พวกเจ้า ก็ไม่สามารถลดทอนสมรรถภาพการปกครองของข้าแม้เพียงน้อยนิดก็ตามโอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  หากว่าคนแรกจนถึงคนสุดท้ายจากพวกเจ้า จากมนุษย์และญิน ได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วทำการขอจากข้า แล้วข้าก็ได้ประทานในทุกสิ่งที่พวกมนุษย์ทุกคนได้ขอก็ไม่สามารถลดทอนสิ่งที่มีอยู่แห่งข้าแม้เพียงนิดเดียว นอกจากปริมาณที่ขาดหายไปมีเพียงเท่าเข็มที่จุ่มลงไปในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้นโอ้, บ่าวของข้าทั้งหลาย  แท้จริงการงานที่พวกเจ้าได้ปฏิบัติทำมา เราจะพิจารณาให้สำหรับพวกเจ้าแล้วเราจะตอบแทนแก่พวกเจ้าในการงานดังกล่าวที่พวกเจ้าได้กระทำมา ดังนั้นใครก็ตามที่ได้รับความดีก็จงสรรเสริญสดุดีอัลลอฮฺ และถ้าหากพวกเจ้าได้รับสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความดีนั้น พวกเจ้าก็อย่าได้ว่าร้ายนอกจากตัวของพวกเจ้าเอง” (บันทึกโดยมุสลิม : 2577 )สำหรับผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และได้ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ตามคำสอนของท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อัลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อัลลอฮฺจะพอใจในตัวเขาและอัลลอฮฺจะให้ความร่ำรวยหรือความยากจนแก่เขาจากคลังของพระองค์ และอัลลอฮฺจะส่งเสริมและช่วยเหลือเขา และจะให้เขาได้เข้าสวรรค์ของพระองค์และปกปักษ์รักษาเขา และได้ให้เกียรติแก่เขาด้วยอีมาน แม้ว่าเขาจะมีสาเหตุที่ให้ได้มาซึ่งเกียรติและอำนาจ ดังเช่น อาบี บักรฺ, อุมัรฺ และอุษมาน เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุม  เป็นต้น หรือผู้ที่อัลลอฮฺไม่ได้ให้สาเหตุที่ให้ได้มาซึ่งเกียรติและอำนาจ ดังเช่นบิลาล, อัมมารฺ, ซัลมาน เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุม  และท่านอื่นๆ เป็นต้นแต่สำหรับผู้ที่ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ แม้ว่าเขาจะมีสาเหตุที่ให้ได้มาซึ่งเกียรติและอำนาจด้วยทรัพย์สมบัติและตำแหน่งกษัตริย์ก็ตาม อัลลอฮฺจะให้เขามีสภาพที่ตกต่ำ ไร้เกียรติ ดังเช่น ฟิรฺอาวน์, กอรูน และฮามาน เป็นต้น อัลลอฮฺได้ให้พวกเขามีสภาพต่ำต้อยและถ้าหากเขามีสาเหตุของความต่ำต้อยไร้ซึ่งเกียรติ อัลลอฮฺก็ให้เขาไม่มีเกียรติ  เช่น ผู้ยากไร้และผู้ขัดสนเงินทอง เป็นต้นอัลลอฮฺได้สร้างมนุษย์เพื่อให้มีการศรัทธาและปฏิบัติการงานที่ดี และปฏิบัติอิบาดะฮฺต่อ  อัลลอฮฺโดยไม่มีการตั้งภาคีใดๆกับพระองค์ พระองค์มิได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อเก็บสะสมเงินทอง สิ่งของต่างๆและเพลิดเพลินไปกับอารมณ์ความต้องการของตนเอง  หากว่าชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์หมกมุ่นอยู่กับสิ่งดังกล่าวนี้โดยหันหลังไม่ใยดีกับการปฏิบัติอิบาดะฮฺ อัลลอฮฺก็จะจัดให้สิ่งนี้มีอิทธิพลเหนือจิตใจเขา ซึ่งเป็นสาเหตุของการเนรคุณต่ออัลลอฮฺ และนำไปสู่ความเสียหายและขาดทุนทั้งในโลกนี้และวันอาคิเราะฮฺ  อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่า فَلَا تُعْجِبْكَ أَمْوَالُهُمْ وَلَا أَوْلَادُهُمْ ۚ إِنَّمَا يُرِيدُ اللَّهُ لِيُعَذِّبَهُم بِهَا فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَتَزْهَقَ أَنفُسُهُمْ وَهُمْ كَافِرُونَความว่า : “ดังนั้นจงอย่าให้ทรัพย์สมบัติของพวกเขาและอย่าให้ลูกๆของพวกเขาเป็นที่พึงใจแก่เจ้า แท้จริงอัลลอฮฺทรงต้องการที่จะลงโทษพวกเขาด้วยสิ่งเหล่านั้นในชีวิตแห่งโลกนี้ และที่จะให้ชีวิตของพวกเขาออกจากร่างไป ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น” (อัตเตาบะฮฺ : 55 )

المرفقات

2

การเพิ่มพูนของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
การเพิ่มพูนของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ