เดือนเราะมะฎอนเป็นเทศกาลแห่งการเพิ่มพูนความรู้และอีหม่าน มีการส่งเสริมให้ขยันทำอะมัลความดี เพราะการทำความดีในเดือนนี้จะมีมรรคผลเท่าทวีคูณกว่าการกระทำความดีในเดือนอื่นๆ ดังนั้น บรรดานักวิชาการ นักบรรยาย เคาะฏีบ ครู อาจารย์ทั้งหลายจึงมักจะหาทีเด็ดในการกระตุ้นผู้คนให้มีความกระตือรือร้นในการทำความดี จนบางครั้งเกิดชะล่าใจและลืมตรวจสอบว่าสิ่งที่ตัวเองนำมานั้นมีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด บ่อยครั้งที่มีการนำหะดีษเมาฎูอฺที่ไม่มีที่มาเล่าประกอบการบรรยาย ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะการแอบอ้างว่านั่นเป็นคำพูดของท่านนบีมุหัมมัด โดยที่ไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นมายืนยันว่าท่านได้พูดเช่นนั้นจริง เท่ากับว่าเป็นการโกหกต่อท่าน
التفاصيل
30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎูอฺเกี่ยวกับเราะมะฎอนและการถือศีลอด30 حديثا من الأحاديثة الضعيفة والموضوعة في فضل رمضان والصيامดานียา เจ๊ะสนิผู้ตรวจทาน : อุษมาน อิดรีสدانيال جيء سنيكمراجعة: عثمان إدريسด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎูอฺเกี่ยวกับเราะมะฎอนและการถือศีลอดالحمد لله والصلاة والسلام على رسول الله وعلى آله وصحبه وسلم ... أما بعدเดือนเราะมะฎอนเป็นเทศกาลแห่งการเพิ่มพูนความรู้และอีหม่าน มีการส่งเสริมให้ขยันทำอะมัลความดี เพราะการทำความดีในเดือนนี้จะมีมรรคผลเท่าทวีคูณกว่าการกระทำความดีในเดือนอื่นๆอีกสิบเอ็ดเดือน ดังนั้น บรรดานักวิชาการ นักบรรยาย เคาะฏีบ ครู อาจารย์ทั้งหลายจึงมักจะหาทีเด็ดในการกระตุ้นผู้คนให้มีความกระตือรือร้นในการทำความดี จนบางครั้งเกิดชะล่าใจและลืมตรวจสอบว่าสิ่งที่ตัวเองนำมานั้นมีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด บ่อยครั้งที่มีการนำหะดีษเมาฎูอฺที่ไม่มีที่มา ทั้งสายรายงานและผู้บันทึกหะดีษมาเล่าประกอบการบรรยาย ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะการแอบอ้างว่านั่นเป็นคำพูดของท่านนบีมุหัมมัด โดยที่ไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นมายืนยันว่าท่านได้พูดเช่นนั้นจริง เท่ากับว่าเป็นการโกหกต่อท่าน ท่านเราะสูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า «مَنْ كَذَبَ عَلَيَّ مُتَعَمِّدًا فَلْيَتَبَوَّأْ مَقْعَدَهُ مِنَ النَّارِ»ความว่า “บุคคลใดเจตนาโกหกต่อฉัน เขาจงเตรียมที่พำนักของเขาในนรกเถิด” (บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ)หรืออาจเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อนมาก (เฎาะอีฟญิดดัน) ซึ่งไม่อนุญาตให้นำมายึดปฎิบัติได้ หรือแม้แต่หะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) ก็ตาม เพราะถึงแม้ว่าจะมีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า สามารถนำหะดีษเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐานประกอบในเรื่องคุณค่าการปฏิบัติคุณงามความดี (ฟะฎออิล อะอฺมาล) แต่ก็ต้องไม่ออกจากเงื่อนไขต่างๆดังนี้1. ต้องไม่เป็นหะดีษที่อ่อนมาก (เฎาะอีฟญิดดัน) ซึ่งหากเป็นหะดีษที่เฎาะอีฟมาก ก็จะไม่อนุญาตให้นำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงเพื่อยึดปฏิบัติ2. หะดิษเฎาะอีฟที่นำมาอ้างอิงในเรื่องของคุณงามความดีต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานโดยรวมของหลักการศาสนา ดังนั้น จะไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้กับหะดิษที่อยู่นอกเหนือสิ่งดังกล่าว 3. ในยามที่ปฏิบัติตามหะดีษดังกล่าว ต้องไม่ปักใจเชื่อว่าสิ่งนั้นมาจากท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เพื่อที่จะไม่เป็นการพาดพิงไปยังท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมในสิ่งที่ท่านไม่ได้กล่าวไว้ส่วนการรายงานหรือกล่าวถึงหะดีษเฏาะอีฟ (ที่ไม่ใช่เฎาะอีฟญิดดัน หรือเมาฎูอฺ) ถึงแม้ว่ามีนักวิชาการบางกลุ่มอนุญาตให้กล่าวถึงโดยไม่จำต้องอ้างสายรายงานหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณค่าของการปฏิบัติคุณความดี แต่อย่างน้อยผู้ที่กล่าวถึงก็น่าจะทราบบ้างว่าเป็นหะดีษเฎาะอีฟ เพราะเวลาจะกล่าวถึงควรใช้สำนวนที่ไม่ชัดเจน เช่น มีรายงานถึงท่านนะบียฺ หรือ มีหะดีษกล่าวว่า ไม่ใช่สำนวนชัดเจนเช่นท่านนะบียฺกล่าวว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นต้น ด้วยเหตุผลข้างต้น ผู้ขียนจึงพยายามรวบรวมหะดีษที่เข้าข่าย เมาฎูอฺ เฎาะอีฟญิดดัน หรือ เฎาะอีฟเพียงบางส่วน เพื่อเตือนจิตสำนึกท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้เขียนเองสุดท้ายนี้ผู้เขียนขออิสติฆฺฟารฺต่ออัลลอฮฺและขออภัยต่อท่านผู้อ่านทั้งหลายหากข้อผิดผลาดใดๆปรากฎบนเอกสารเล็กๆเล่มนี้และขอน้อมรับข้อติ และข้อแก้ไขจากท่านทุกคนوصلى الله على نبينا محمد، وعلى آله وصحبه أجمعين،وأن الحمد لله رب العالمينดานียาล เจ๊ะสนิผู้เขียนหะดีษที่ 1«اَللَّهُمَّ بَارِكْ لَنَا فِي رَجَبَ وَشَعْبَانَ وَبَلِّغْنَا رَمَضَانَ»ความหมายของหะดีษ“โอ้อัลลอฮฺ โปรดประทานความสิริมงคลต่อพวกเราในเดือนเราะญับ ตลอดจนเดือนชะอฺบาน และโปรดให้พวกเรามีชีวิตทัน (ได้รับความสิริมงคลใน) เดือนเราะมะฎอนด้วยเถิด”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน(เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิง(เฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 4395)หะดีษที่ 2«كَانَ يُعَلِّمُنَا هَؤُلاَءِ الْكَلِمَاتِ إِذَا جَاءَ رَمَضَانُ أَنْ يَقُوْلَ: أَحَدُنَا: اَللَّهُمَّ سَلِّمْنِي مِنْ رَمَضَانَ وَسَلِّمْ رَمَضَانَ لِي وَتُسَلِّمُهُ مَنِّي مُتَقَبَّلاً»ความหมายของหะดีษ“เมื่อย่างเข้าเดือนเราะมะฎอน ท่านนะบีได้สอนพวกเราด้วยคำต่างๆเหล่านี้ โดยให้คนหนึ่งในพวกเรากล่าวว่าโอ้อัลลอฮฺ ขอจงมอบสิ่งดีๆจากเราะมะฎอนให้แก่ฉัน และขอจงมอบเราะมะฎอนให้กับฉัน แล้วขอจงรับมอบเราะมะฎอนจากฉันในสภาพที่ถูกตอบรับอย่างสมบูรณ์”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานเดี่ยว (เฆาะรีบ) แหล่งอ้างอิงสิยัรฺอะอฺลาม อันนุบะลาอ์ : 51/19หะดีษที่ 3«خَطَبَنَا رَسُوْلُ اللهِ × فِي آخِرِ يَوْمٍ مِنْ شَعْبَانَ، فَقَالَ: يَا أَيُّهَا النَّاسِ قَدْ أَظَلَّكُمْ شَهْرٌ عَظِيْمٌ مُبَارَكٌ، شَهْرٌ فِيْهِ لَيْلَةٌ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ، جَعَلَ اللهُ تَعَالَى صِيَامَهُ فَرِيْضَةً، وَقِيَامَ لَيْلِهِ تَطَوُّعاً، مَنْ تَقَرَّبَ فِيْهِ بِخَصْلَةٍ مِنَ الخَيْرِ كَانَ كَمَنْ أَدَّى فَرِيْضَةً فِيْمَا سِوَاهُ، وَمَنْ أَدَّى فَرِيْضَةً فِيْهِ كَانَ كَمَنْ أَدَّى سَبْعِيْنَ فَرِيْضَةً فِيْمَا سِوَاهُ... الخ»ความหมายของหะดีษ“ท่านเราะสูลุลลอฮฺได้บรรยายให้พวกเราฟังในวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบานเดือนหนึ่ง ว่า โอ้มนุษย์ ทั้งหลาย แท้จริงพวกท่านกำลังจะเข้าสู่เดือนอันยิ่งใหญ่ เดือนที่เป็นสิริมงคล เดือนที่มีคืนหนึ่งในนั้นซึ่งดีกว่าหนึ่งพันเดือน อัลลอฮฺได้กำหนดให้การศีลอดในเดือนนี้เป็นข้อบังคับ และการละหมาด(กิยาม)ในช่วงคืนของเดือนนี้เป็นสิ่งส่งเสริม ผู้ใดที่กระทำการบางอย่างด้วยสิ่งบ่งบอกว่าเป็นความดีในเดือนนี้ จะได้รับผลบุญเสมือนเป็นผู้ปฏิบัติตามข้อบังคับ(วาญิบ)ในเดือนอื่นๆ และผู้ใดที่ปฏิบัติตามข้อบังคับเดียวในเดือนนี้ จะได้รับผลบุญเสมือนเป็นผู้ปฏิบัติตามข้อบังคับเจ็ดสิบข้อบังคับในเดือนอื่นๆ...”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มุงกัรฺ แหล่งอ้างอิงอัลสิลสิละฮฺ อัฎเฎาะอีฟะฮฺ: 871/2หะดีษที่ 4«خَمْسٌ يُفَطِّرْنَ الصَّائِمَ، وَيَنْقُضْنَ الْوُضُوْءَ: الْكَذِبُ، وَالنَّمِيْمَةُ، وَالْغِيْبَةُ، وَالنَّظَرُ بِشَهْوَةٍ، وَالْيَمِيْنُ الْكَاذِبَةُ»ความหมายของหะดีษ“ห้าอย่างที่ทำให้การถือศีลอด และวุฎูอฺเป็นโมฆะ คือการพูดเท็จ การกล่าวว่าร้าย การนินทา การมองด้วยตัณหา และการสาบานในสิ่งที่รู้ตัวว่าเป็นเท็จ”สถานของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ: 6096หะดีษที่ 5«كَانَ إِذَا دَخَلَ رَمَضَانَ شَدَّ مِئْزَرَهُ ، ثُمَّ لَمْ يَأْتِ فِرَاشَهُ حَتَّى يَنْسَلِخَ»ความหมายของหะดีษ“เมื่อเข้าช่วงเดือนเราะมะฎอน ท่านเราะสูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมจะสวมรัดผ้าช่วงล่างของท่านด้วยการปิดมัดอย่างแน่น บ่งบอกถึงการลดความถี่ของการนอนกับภรรยาและเตรียมพร้อมที่จะให้ความจริงจังและความพยายามในการทำอิบาดะฮฺ หลังจากนั้นท่านจะไม่ลุกไปสู่ที่นอนของท่านจนกว่าผ้าดังกล่าวจะเปิด”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 4398หะดีษที่ 6«لَوْ يَعْلَمُ الْعِبَادُ مَا فِي رَمَضَانَ لَتَمَنَّتْ أُمَّتِي أَنْ تَكُوْنَ السَّنَةُ كُلُّهَا رَمَضَانَ، إِنَّ الْجَنَّةَ لَتُزَيِّنُ لِرَمَضَانَ مِنْ رَأْسِ الـْحَوْلِ إِلَى الْـحَوْلِ ... » والحديث طويلความหมายของหะดีษ“หากว่าบ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลายได้รู้ในสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในเดือนเราะมะฎอน แน่นอนเหลือเกินว่าประชาชาติของฉันย่อมคาดหวังให้ปีทั้งปีเป็นเดือนเราะมะฎอน แท้จริงสวนสวรรค์นั้นจะถูกประดับประดาเพื่อเตรียมรับเราะมะฎอนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปีถัดไป ...” จนจบหะดีษซึ่งมีความยาวมาก"สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่ มุงกัรฺ แหล่งอ้างอิงอัลสิลสิละฮฺ อัฎเฎาะอีฟะฮฺ : 1325/3หะดีษที่ 7«لاَ تَزَالُ أُمَّتِي بِخَيْرٍ مَا أَخَّرُوْا السَّحُوْرَ وَعَجَّلُوْا الْفِطْرَ»ความหมายของหะดีษ“ประชาชาติของฉันยังคงอยู่อย่างประเสริฐ ตราบใดที่ยังคงเริ่มเวลาการรับประทานอาหารก่อนถือศีลอด (สุหูรฺ) ไปในเวลาช่วงท้ายๆ และรีบรับประทานอาหารละศีลอด (ฟุฏูรฺ) ในเวลาช่วงแรก”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ: 6212หะดีษที่ 8«أَوَّلُ شَهْرِ رَمَضَانَ رَحْمَةٌ، وَأَوْسَطُهُ مَغْفِرَةٌ، وَآخِرُهُ عِتْقٌ مِنَ النَّارِ»ความหมายของหะดีษ“ช่วงแรกของเดือนเราะมะฎอนเป็นช่วงแห่งการรับความเมตตาปรานี ส่วนช่วงที่สองเป็นช่วงแห่งการรับการอภัยโทษ และช่วงที่สามเป็นช่วงแห่งการเป็นไทจากไฟนรก”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 2135หะดีษที่ 9«إِنَّ لِلصَّائِمِ عِنْدَ فِطْرِهِ دَعْوَةً لاَ تُرَدُّ»ความหมายของหะดีษ“แท้จริงสำหรับผู้ที่ถือศีลอด ในขณะที่เขากำลังจะละศีลอดอยู่นั้น เป็นช่วงเวลาที่ดุอาของเขาจะไม่ถูกปฏิเสธจากอัลลอฮฺ”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 1965หะดีษที่ 10«كَانَ إِذَا أَفْطَرَ قَالَ: اَللَّهُمَّ لَكَ صُمْتُ وَعَلَى رِزْقِكَ أَفْطَرْتُ، فَتَقَبَّلْ مِنِّي، إِنَّكَ أَنْتَ السَّمِيْعُ الْعَلِيْمُ»ความหมายของหะดีษ“เมื่อท่านเราะสุลลุลลอฮฺละศีลอดท่านจะกล่าวว่า “โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงฉันถือศีลอดเพื่อพระองค์ และฉันละศีลอดด้วยปัจจัยจากพระองค์ ขอจงตอบรับอิบาดะฮฺจากฉัน แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยินและรู้ยิ่ง”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน(เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 4350หะดีษที่ 11«إِنَّ اللهَ تَبَارَكَ وَتَعَالَى لَيْسَ بِتَارِكٍ أَحَداً مِنَ المُسْلِمِيْنَ صَبِيْحَةَ أَوَّلِ يَوْمٍ مِنْ شَهْرِ رَمَضَانَ إِلاَّ غَفَرَ لَهُ»ความหมายของหะดีษ“แท้จริงอัลลอฮฺ ตะบาเราะกะวะตะอาลา จะไม่ปล่อยให้คนใดคนหนึ่งในหมู่ชนมุสลิม ใช้ชีวิตผ่านไปจากช่วงเช้าของวันแรกในเดือนเราะมะฎอน นอกจากเขาจะได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ”สถานภาพหะดีษเป็นหะดีษที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา(เมาฎูอฺ) แหล่งอ้างอิงอัลสิลสิละฮฺ อัฎเฎาะอีฟะฮฺ: 296/1หะดีษที่ 12«سئل النبي عليه الصلاة والسلام عن فضائل التراويح فى شهر رمضان فقال:يخرج المؤمن ذنبه في أول ليلة كيوم ولدته أمه، وفى الليلة الثانية يغفر له وللأبوية إن كانا مؤمنين، وفى الليلة الثالثة ينادى ملك من تحت العرش؛ استأنف العمل غفر الله ما تقدم من ذنبك، وفى الليلة الرابعة له من الأجر مثل قراءة التوراة والإنجيل والفرقان، وفى الليلة الخامسة أعطاه الله تعالى مثل من صلى في المسجد الحرام ومسجد المدينة والمسجد الأقصى، وفى الليلة السادسة أعطاه الله تعالى ثواب من طاف بالبيت المعمور ويستغفر له كل حجر ومدر، وفى الليلة السابعة فكأنما أدرك موسى عليه السلام ونصره على فرعون وهامان، وفى الليلة الثامنة أعطاه الله تعالى ما أعطى إبراهيم عليه السلام، وفى الليلة التاسعة فكأنما عبد الله تعالى عبادة النبي عليه الصلاة والسلام، وفى الليلة العاشرة يرزقه الله تعالى خير الدنيا والآخرة، وفى الليلة الحادية عشر يخرج من الدنيا كيوم ولد من بطن أمه، وفى الليلة الثانية عشر جاء يوم القيامة ووجهه كالقمر ليلة البدر، وفى الليلة الثالثة عشر جاء يوم القيامة آمنا من كل سوء، وفى الليلة الرابعة عشر جاءت الملائكة يشهدون له أنه قد صلى التراويح فلا يحاسبه الله يوم القيامة، وفى الليلة الخامسة عشر تصلى عليه الملائكة وحملة العرش والكرسي، وفى الليلة السادسة عشر كتب الله له براءة النجاة من النار وبراءة الدخول في الجنة، وفى الليلة السابعة عشر يعطى مثل ثواب الأنبياء، وفى الليلة الثامنة عشر نادى الملك يا عبد الله أن رضي عنك وعن والديك، وفى الليلة التاسعة عشر يرفع الله درجاته في الفردوس، وفى الليلة العشرين يعطى ثواب الشهداء والصالحين، وفى الليلة الحادية والعشرين بنى الله له بيتا في الجنة من النور، وفى الليلة الثانية والعشرين جاء يوم القيامة آمنا من كل غم وهم، وفى الليلة الثالثة والعشرين بنى الله له مدينة في الجنة، وفى الليلة الرابعة والعشرين كان له أربعة وعشرون دعوة مستجابة، وفى الليلة الخامسة والعشرين يرفع الله تعالى عنه عذاب القبر، وفى الليلة السادسة والعشرين يرفع الله له ثوابه أربعين عاما، وفى الليلة السابعة والعشرين جاز يوم القيامة على الصراط كالبرق الخاطف، وفى الليلة الثامنة والعشرين يرفع الله له ألف درجة في الجنة، وفى الليلة التاسعة والعشرين أعطاه الله ثواب ألف حجة مقبولة، وفى الليلة الثلاثين يقول الله: يا عبدي كل من ثمار الجنة واغتسل من مياه السلسبيل واشرب من الكوثر أنا ربك وأنت عبدي»ความหมายของหะดีษ“ได้มีการถามท่านนะบียฺเกี่ยวกับความประเสริฐของการละหมาดตะรอวัยหฺในเดือน แล้วท่านนะบียฺก็กล่าวว่ามุอฺมิน ผู้ออกละหมาดตะรอวัยหฺในคืนแรกจะพ้นจากบาปของเขาทั้งปวงเสมือนกับวันที่เขาถูกคลอดจากท้องมารดาและในคืนที่สอง อัลลอฮฺจะให้อภัยโทษแก่เขาและบิดาของเขาหากเขาทั้งสองเป็นผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและในคืนที่สาม มลาอิกะฮฺจะประกาศต่อผู้อยู่ใต้อะรัชว่าเจ้าจงเริ่มทำความดีต่อไปเถิดเพราะความชั่วทั้งหลายถูกลบล้างออกไปหมดแล้ว และในคืนที่สี่ เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับคนที่อ่านคัมภีร์เตารอต อินญีล และอัลกุรฺอานและในคืนที่ห้าได้รับผลบุญเท่ากับผู้ที่ได้ไปละหมาดทีมัสญิด หะรอม มัสญิดนะบะวีย์ มัสญิดอัลอักศอและในคืน ที่หก ได้รับผลบุญเท่ากับผู้ที่ไปทำเฏาะวาฟ ณ บัลตุลมะอฺมูรฺ บรรดาหินและวัตถุทั้งหมดในโลกนี้จะขออภัยโทษให้แก่เขา และในคืนที่เจ็ด เขาจะได้ผลบุญเสมือนว่าเขาได้เกิดทันในสมัยที่ท่านนะบียฺมูสาและได้ช่วยเหลือท่านในการต่อสู้กับฟิรอูนและฮามานและในคืนที่แปด จะได้รับผลบุญเหมือนกับผลบุญที่อัลลอฮฺได้ประทานแก่นะบียฺอิบรอฮีมและในคืนที่เก้า ผลบุญที่ได้รับจะเท่ากับผลบุญการอิบาดะฮฺของนะบียฺมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และในคืนที่สิบ อัลลอฮฺจะบันดาลให้เขาพบแต่ความดีงามทั้งโลกนี้และโลกหน้า และในคืนที่ที่สิบเอ็ด หากพวกเขาสิ้นชีวิตในคืนนี้ เขาก็เหมือนกับทารกที่ถูกคลอดใหม่ๆในคืนที่สิบสองเขาจะเกิดมาในวันกิยามะฮฺด้วยใบหน้าที่ดุจดั่งดวงจันทร์เต็มดวง และในคืนที่สิบสาม เขาจะปรากฏในวันกิยามะฮฺอย่างผู้บริสุทธิ์ ปลอดจากความชั่วร้ายทั้งปวง และในคืนที่สิบสี่ ในวันกิยามะฮฺบรรดามลาอิกะฮฺจะร่วมกันยืนเคียงข้างเขาเป็นพยานว่าเขาได้ละหมาดตะรอวัยหฺแล้ว แล้วเขาก็จะไม่ถูกสอบสวนอีกต่อไปในวันนั้น และในคืนที่สิบห้าบรรดามลาอิกะฮฺไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่แบกอะรัชและกุรสียฺต่างจะอวยพรให้แก่เขาและในคืนที่สิบหก เขาจะถูกบันทึกว่าเป็นผู้ปลอดภัยจากนรกและในคืนที่สิบเจ็ด เขาจะได้ผลบุญเท่ากับผลบุญบรรดานบีรวมกันและในคืนที่สิบแปด มลาอิกะฮฺจะประกาศชื่อของเขาว่า แน่แท้พระองค์อัลลอฮฺจะให้อภัยโทษในตัวเขาและบิดามารดาของเขา และในคืนที่สิบเก้า อัลลอฮฺจะยกฐานะของเขาอย่างสูงส่งในชั้นฟิรเดาสฺ และในคืนที่ยี่สิบ เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับผลบุญของบรรดาผู้ที่ตายชะฮีดและกัลยาณชน และในคืนที่ยี่สิบเอ็ด อัลลอฮฺจะสร้างบ้านหลังหนึ่งด้วยรัศมีให้แก่เขา และในคืนที่ยี่สิบสอง เขาจะปรากฏตัวในวันกิยามะฮฺโดยปราศจากความโสกเศร้าและความทุกข์ และในคืนที่ยี่สิบสาม อัลลอฮฺได้เตรียมเมืองไว้เมืองหนึ่งให้เขาครอบครอง และในคืนที่ยี่สิบสี่ อัลลอฮฺจะเปิดโอกาส ให้แก่เขา โดยตอบรับดุอาอฺจากเขายี่สิบสี่ประการ และในคืนที่ยี่สิบห้า อัลลอฮฺจะยกโทษการโทรมานในกุบูรฺ ให้แก่เขา และในคืนที่ยี่สิบหก อัลลอฮฺจะเพิ่มพูนผลบุญให้แก่เขาเท่ากับทำอิบาดะฮฺสี่สิบปี และในคืนที่ยี่สิบเจ็ด เขาจะเดินผ่านสะพานศิรอฏ็อลมุสตะกีมดุจฟ้าแลบในพริบตา และในคืนที่ยี่สิบแปด อัลลอฮฺจะยกฐานะให้เขาหนึ่งพันชั้นในสวรรค์ และในคืนที่ยี่สิบเก้า อัลลอฮฺจะประทานผลบุญให้เท่ากับผลบุญการประกอบพิธีหัจญ์หนึ่งพันครั้ง และในคืนที่สามสิบ อัลลอฮฺจะกล่าวว่า “โอ้บ่าวของฉันจงมารับประทานผลไม้ในสวรรค์และจงอาบน้ำสัลสะบีล จงดื่มน้ำอัลเกาษัร ซึ่งเราเป็นเจ้าของเจ้า เจ้าเป็นบ่าวของเรา”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา (เมาฎูอฺ) ไม่มีสายรายงานมารับรอง แหล่งอ้างอิงฟัตวา อัลลัจญฺนะฮฺ อัดดาอิมะฮฺ : 10/151หะดีษที่ 13«صَائِمُ رَمَضَانَ فِي السَّفَرِ كَالمُفْطِرِ فِي الحَضَرِ»ความหมายของหะดีษ“สำหรับผู้ที่ถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน ขณะที่อยู่ในช่วงเดินทางนั้น เปรียบเสมือนผู้ที่ไม่ได้ถือศีลอดในช่วงที่อยู่กับบ้าน”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 3456หะดีษที่ 14«انْبَسِطُوْا فِي النَّفَقَةِ فِي شَهْرِ رَمَضَانَ، فَإِنَّ النَّفَقَةَ فِيْهِ كَالنَّفَقَةِ فِي سَبِيْلِ اللهِ»ความหมายของหะดีษ“ท่านทั้งหลายจงใจกว้างในการจับจ่ายนะฟะเกาะฮฺในเดือนเราะมะฎอน เพราะการจับจ่ายนะฟะเกาะฮฺในเดือนนี้เท่ากับว่าการใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺ”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 1324หะดีษที่ 15«نَوْمُ الصَّائِمِ عِبَادَةٌ، وَصَمْتُهُ تَسْبِيْحٌ، وَعَمَلُهُ مُضَاعَفٌ، وَدُعَاؤُهُ مُسْتَجَابٌ، وَذَنْبُهُ مَغْفُوْرٌ»ความหมายของหะดีษ“การนอนหลับของผู้ที่ถือศีลอดอยู่นั้นถือเป็นการทำอิบาดะฮฺ การเงียบของเขาจะเป็นการตัสบีหฺ การทำอิบาดะฮฺของเขาจะเป็นสิ่งทวีคูณ ดุอาของเขาจะได้รับการตอบรับ และบาปของเขาจะรับการอภัยโทษ”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน(เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 5972หะดีษที่ 16«مَنْ أَدْرَكَ رَمَضَانَ وَعَلَيْهِ مِنْ رَمَضَانَ شَيْءٌ لَمْ يَقْضِهِ، فَإِنَّهُ لاَ يُقْبَلُ مِنْهُ حَتَّى يَصُوْمَهُ»ความหมายของหะดีษ“ผู้ใดที่ทันมีชีวิตในเดือนเราะมะฎอนเดือนใหม่ ทั้งๆที่เขายังมีศีลอดของเดือนเราะมะฎอนเก่าที่เขายังไม่ได้ชดอีก การถือศีลอดของในเดือนใหม่ของเขาจะไม่ถูกตอบรับจนกว่าเขาจะถือศีลอดชดของเก่าก่อน”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน(เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 5376หะดีษที่ 17«مَنْ أَفْطَرَ يَوْماً مِنْ رَمَضَانَ مِنْ غَيْرِ رُخْصَةٍ، وَلاَ مَرَضٍ، لَمْ يَقْضِ عَنْهُ صَوْمُ الدَّهْرِ كُلِّهُ وَإِنْ صَامَهُ»ความหมายของหะดีษ“ผู้ที่ไม่ถือศีลอดเพียงวันเดียวในเดือนเราะมะฎอน โดยไม่มีข้อผ่อนปรนใดๆและไม่ได้ป่วย ไม่สามารถที่จะชดวันเดียวที่ขาดนั้นได้ด้วยการถือศีลอดตลอดทั้งปีหาก ถึงแม้ว่าเขาจะถือศีลอดตลอดทั้งปีก็ตาม”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 5462หะดีษที่ 18«مَنْ اعْتَكَفَ عَشْرًا فِي رَمَضَانَ كَانَ كَحَجَّتَيْنِ وَعُمْرَتَيْنِ»ความหมายของหะดีษ“ผู้ใดที่อยู่ในมัสญิด(อิอฺติกาฟ)ได้สิบวันในเดือนเราะมะฎอนเปรียบเสมือนเขาได้ทำหัจญ์สองครั้งและทำอุมเราะฮฺสองครั้ง”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา (เมาฎูอฺ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 5451หะดีษที่ 19«كَانَ يُصَلِّي فِي شَهْرِ رَمَضَانَ فِي غَيْرِ جَمَاعَةٍ بِعِشْرِيْنَ رَكْعَةً وَالْوِتْرِ»ความหมายของหะดีษ“ท่านเราะสูลุลลอฮฺเคยละหมาดในเดือนเราะมะฎอนยี่สิบร็อกอะฮฺและละหมาดวิติรฺ โดยไม่ได้ทำเป็นญะมาอะฮฺ”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา (เมาฎูอฺ) แหล่งอ้างอิงอัลสิลสิละฮฺ อัฎเฎาะอีฟะฮฺ: 560หะดีษที่ 20«الصَّائِمُ بَعْدَ رَمَضَانَ كَالْكَارِّ بَعْدَ الْفَارِّ »ความหมายของหะดีษ“ผู้ที่ถือศีลอดหลังจากเดือนเราะมะฎอน (มีผลบุญ) เสมือนกับผู้ที่ได้หวนกลับคืนสู่สมรภูมิสงครามหลังจากที่ได้พ่ายหนี”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อนมาก (เฎาะอีฟ ญิดดัน) แหล่งอ้างอิง : เฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 3527หะดีษที่ 22«شَهْرُ رَمَضَانَ مُعَلَّقٌ بَيْنَ السَّمَاءِ وَالأَرْضِ ، وَلاَ يُرْفَعُ إِلَى اللهِ إِلاَّ بِزَكَاةِ الْفِطْرِ»ความหมายของหะดีษ“ผลบุญของเดือนเราะมะฎอนจะถูกแขวนอยู่ระหว่างฟ้ากับดิน จะไม่ถูกเสนอขึ้นยังอัลลอฮฺ นอกจากจะถูกเสนอไปพร้อมด้วยซะกาตฟิตเราะฮฺ”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ: 3413หะดีษที่ 23«فَضْلُ الجُمُعَةِ فِي رَمَضَانَ كَفَضْلِ رَمَضَانَ عَلَى الشُّهُوْرِ»ความหมายของหะดีษ“ความประเสริฐของวันศุกร์ในเดือนเราะมะฎอนเหมือนความประเสริฐของเดือนเราะมะฎอนเหนือเดือนอื่นๆ”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา (เมาฎูอฺ)แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 3962หะดีษที่ 24«مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيْمَاناً وَاحْتِسَاباً خَرَجَ مِنْ ذُنُوْبِهِ كَيَوْمِ وَلَدَتْهُ أُمُّهُ»ความหมายของหะดีษ“ผู้ใดที่ละหมาดกิยามในเดือนเราะมะฎอน ด้วยใจที่อิมานและมุ่งหวังผลบุญจากอัลลอฮฺ เขาจะออกมาด้วยสภาพที่ปราศจากบาปทั้งปวงเสมือนว่าเขาเพิ่งคลอดออกมาจากท้องแม่ของเขา”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มุงกัรฺ แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัตตัรฺฆีบ : 602หะดีษที่ 25«مَنْ صَامَ رَمَضَانَ إِيْمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ وَمَا تَأَخَّرَ»ความหมายของหะดีษ“ผู้ใดที่ละหมาดกิยามในเดือนเราะมะฎอน ด้วยใจที่อิมานและมุ่งหวังผลบุญจากอัลลอฮฺ เขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปของเขาทั้งที่ผ่านมาและที่จะมาถึง”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่แปลกแยก (ชาซฺ) หากมีเพิ่มคำว่า (وَمَا تَأَخَّرَ) แหล่งอ้างอิงเศาะหีหฺ อัลญามิอฺ : 6325หะดีษที่ 26«لاَ تَقُوْلُوْا رَمَضَانَ، فَإِنَّ رَمَضَانَ اسْمٌ مِنْ أَسْمَاءِ اللهِ تَعَالَى، وَلَكِنْ قُوْلُوْا: شَهْرُ رَمَضَانَ»ความหมายของหะดีษ“ท่านทั้งหลายอย่าได้กล่าวเรียกชื่อเดือนว่าเราะมะฎอนโดดๆ เพราะเราะมะฎอนเป็นชื่อหนึ่งของอัลลอฮฺ แต่ทว่า ท่านทั้งหลายจงกล่าวว่า เดือนเราะมะฎอน”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา (เมาฎูอฺ) แหล่งอ้างอิงอัลเมาฎูอาต :1118หะดีษที่ 27«نَهَى عَنْ صَوْمِ عَرَفَةَ بِعَرَفَةَ»ความหมายของหะดีษ“ท่านนะบีได้ห้ามการถือศีลอดอะเราะฟะฮฺที่ทุ่งอะเราะฟะฮฺ”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ: 6069หะดีษที่ 28«يَوْمُ صَوْمِكُمْ يَوْمُ نَحْرِكُمْ»ความหมายของหะดีษ“วันที่พวกท่านเริ่มถือศีลอดนั่นหละคือวันที่พวกท่านจะทำกุรบาน”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่ไม่มีแหล่งที่มา (ลา อัศละ ละฮุ) แหล่งอ้างอิง มะญัลละฮฺ อัลมุสลิมูน : 490-491/6 หะดีษที่ 29«صُوْمُوْا تَصِحُّوْا»ความหมายของหะดีษ“ท่านทั้งหลายจงถือศีลอดเถิด แล้วท่านจะมีสุขภาพดี”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน (เฎาะอีฟ) แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 3504หะดีษที่ 30«خِصَاءُ أُمَّتِي الصِّيَامُ وَالْقِيَامُ»ความหมายของหะดีษ“การทำหมันของประชาชาติฉันคือการถือศีลอดและการละหมาดกิยาม (กลางคืน)”สถานะของหะดีษเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน(เฎาะอีฟ) หากเพิ่มคำว่า (والقيام )แหล่งอ้างอิงเฎาะอีฟ อัลญามิอฺ : 2827